วันอังคารที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2556



อันซีนจังหวัดพังงา ลุยถ้ำ





อันซีนจังหวัดช้างกลัว ลุยถ้ำ
สำหรับ อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา มีพื้นที่ป่าชายเลนกว้างใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ในปัจจุบันมีเนื้อที่ป่าโดยรวมทั้งจังหวัด 190,265 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 18.17 ของเนื้อที่ป่าชายเลนทั้งประเทศ ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมืองฯ, อำเภอตะกั่วทุ่ง และอำเภอเกาะยาว จุดเด่นคือมีภูเขามากมายหลายลูก เป็นเขาหินปูนหน้าตาแปลก ๆ การเดินทางมาเที่ยวอ่าวพังงานั้นมาได้หลายทาง เพราะจะสามารถขึ้นเรือได้จากหลายที่ หลายท่าเรือ ทั้งภูเก็ตหรือพังงา

          แต่ เราไปขึ้นที่ท่าเรืออุทยานอ่าวพังงา โดยจะมีชาวบ้านคอยโบกรถเรียกนักท่องเที่ยวกันอยู่หลายเจ้า ส่วนมากก็เป็นชาวบ้านแถวนั้นทำกันเอง รูปแบบก็คือจะเช่าเรือหางยาวเป็นลำไป ไปได้ลำละหลายคน ไปกันเยอะ ๆ ก็จะคุ้มหน่อยเพราะได้ตัวหาร อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมชาวบ้านให้มีงานทำ กระจายรายได้ออกไป ไม่ใช่กระจุกตัวเฉพาะนายทุน หลังจากนั่งเรือเรียบร้อยก็จะออกเดินทาง โดยแล่นไปเรื่อย ๆ ให้เราได้ชื่นชมกับธรรมชาติ ชมเกาะต่าง ๆ ในอ่าวพังงา ไกด์ก็มาคอยอธิบายข้อมูลต่าง ๆ และแนะนำให้รู้ว่าเกาะไหนชื่ออะไร ความเป็นมาอย่างไร พร้อมตอบคำถามแก่นักท่องเที่ยวที่ช่างสงสัย


จุดแรกที่เห็นคือ เขาหมาจู อยู่ระหว่างทางผ่านที่จะไปยังเกาะปันหยี เป็นภูเขาหิน มีลักษณะคล้ายรูปสุนัขกำลังหมอบ เห็นส่วนหัว ลำตัว และหาง จากนั้นก็ไปนั่งเรือยางบริเวณ ถ้ำลอด โดยเราเป็นคนนั่งและมีคนพายที่ชำนาญมาก โดยจะลอดถ้ำใหญ่และถ้ำเล็กถ้ำน้อยนับสิบถ้ำ ยอมรับเลยว่าธรรมชาติได้สร้างสิ่งที่สวยงามมาก ได้พบหินปูนรูปร่างแปลกตาสวยงามยิ่งนัก บางจุดเป็นสถานที่ต่ำมาก ต้องนอนแนบกับเรือโดยมีหินอยู่ปลายจมูก อย่างไรก็ตาม เที่ยวจุดนั้นไม่ต้องกลัวกระหายน้ำ เพราะมีชาวบ้านพายเรือมาขายน้ำมะพร้าวสด ๆ หวาน ๆ ถึงที่เลย



 หลังจากได้ใกล้ชิดธรรมชาติอย่างจุใจ ก็นั่งเรือไปที่ เขาพิงกัน เพื่อไปชม เขาตะปู หรือ "เกาะเจมส์บอนด์" ที่โด่งดังระดับโลก เพราะภาพยนตร์เรื่องเจมส์บอนด์เคยมาถ่ายทำเอาไว้นานมาแล้ว ใครมาบริเวณนี้จะต้องยืนถ่ายรูปโดยมีเขาตะปูเป็นฉากหลังทุกคน บางคนไม่เข้าท่า โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติ ก็ว่ายน้ำไปใกล้ ๆ หารู้ว่าเป็นบริเวณที่อันตราย เนื่องจากหินส่วนที่จมอยู่ใต้ทะเลได้ถูกน้ำทะเลกัดเซาะเป็นเวลานานนับล้านปี จึงสึกกร่อนและมีขนาดเล็กกว่าส่วนบน และไม่ทราบว่าอาจล้มลงมาในเวลาใดเวลาหนึ่งก็ได้ ดังนั้น ผู้ที่รับผิดชอบต้องติดป้ายเตือนเอาไว้ด้วย หรือสั่งห้ามเข้าใกล้ป้องกันเหตุไม่คาดฝัน

ส่วน เขาพิงกัน เป็นภูเขาที่มีลักษณะพิเศษแปลกตาแตกต่างจากภูเขาอื่นใดทั้งสิ้น โดยมีลักษณะเป็นภูเขาสองลูกที่แนบยึดติดกัน เป็นแนวเส้นตรงจากยอดเขาสู่ตีนเขา ผู้คนที่มีโอกาสได้ไปเยี่ยมชมเขาพิงกันต่างพากันสันนิษฐานว่า ในอดีตกาลคาดว่าจะเป็นภูเขาลูกเดียวกัน แต่ได้ถูกฟ้าผ่าหรือสายฟ้าฟาดอย่างประณีต จนแยกภูเขาดังกล่าวออกเป็นสองลูกที่แนบชิดติดกันหรือพิงกัน หรืออาจเกิดจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่ทำให้ภูเขาดังกล่าวเกิดรอยร้าวหรือปริแยกเป็นสองส่วน ที่มีลักษณะคล้ายถูกของมีคมตัดเป็นเส้นตรงจากยอดเขาสู่ตีนเขา แต่ยังไม่ได้ถูกแยกออกจากกัน กลับถูกปล่อยให้ยังคงแนบชิดติดกัน จนถูกเรียกว่าเขาพิงกัน


จากนั้นนั่งเรือย้อนกลับไป เกาะปันหยี เกาะเล็ก ๆ ที่โด่งดังจากโฆษณาของธนาคารแห่งนี้ ที่มีทีมฟุตบอลบนเกาะกลางน้ำ เกาะแห่งนี้มีบ้านเรือน 300 หลังคา มีประชากรประมาณ 4,000 คน สามารถเข้าไปศึกษาและสัมผัสชีวิตของคนที่นี้ โดยมีศูนย์กลางหมู่บ้านและศาสนา บ้านเรือน ร้านค้า และโรงเรียนตั้งอยู่ในน้ำ โดยมีทางเดินเชื่อมถึงกันด้วยสะพานไม้ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสะพานปูนในปัจจุบัน เวลาน้ำขึ้น "หมู่บ้านปันหยี" จึงแลดูเหมือนหมู่บ้านลอยน้ำ แต่พอน้ำลงจะเห็นว่าบ้านนับร้อยหลังนั้นตั้งอยู่บนเสาที่ปักในเลนมาตั้งแต่อดีต

          ด้านทิศตะวันออกของเกาะปันหยีจะมีร้านค้าเรียงรายตลอดสองทางเดิน แต่หากต้องการเห็นวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้าน ก็ต้องเดินเลยย่านการค้าไปทางทิศตะวันตก และจะได้พบเห็นศาลาประชาคม สภากาแฟ ร้านค้าสำหรับชาวบ้าน ร้านตัดผม โรงเรียน และมัสยิด ที่อยู่คู่กับชุมชนกลางทะเลมาตั้งแต่อดีต สถานที่แห่งนี้ถือเป็นจุดสร้างรายได้ให้แก่จังหวัดพังงากันมาก เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติต้องการมาสัมผัสวิถีชีวิต อีกทั้งทัวร์ต่าง ๆ ก็มักจะพานักท่องเที่ยวมาทานอาหารกลางวันกันที่นี่ ซึ่งไม่แน่ว่าอนาคตอาจทำให้วิถีชีวิตของคนที่นี่เปลี่ยนไปหรือไม่

          จากนั้นเรากลับเข้าท่าเรือที่อุทยานฯ และนั่งรถไปไม่ไกลเพื่อไปปิดท้ายด้วยอันซีนจังหวัดพังงาที่หลายคนอาจไม่รู้จัก นั่นคือ ถ้ำพุงช้าง ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองพังงา หลังศาลากลางจังหวัด ก่อนเข้าตัวตลาดพังงา เมื่อเข้าไปในถ้ำพบค้างคาวห้อยหัวลงมาให้การต้อนรับ ภายในถ้ำมีความงดงามและความมหัศจรรย์ของธรรมชาติของหินงอกหินย้อยที่มีสภาพ ที่สมบูรณ์ มีสายน้ำไหลผ่านกลางถ้ำ แสดงให้เห็นถึงการไหลเวียนและการถ่ายเทของอากาศตลอดเวลา มีทั้งช่วงน้ำลึกและช่วงน้ำตื้น


การเที่ยวถ้ำพุงช้างนั้นนักท่องเที่ยวต้องผจญภัยนิดหน่อย เพราะจะต้องเดินลุยน้ำ นั่งแพ และนั่งเรือแคนู เพื่อเข้าไปชมหินงอกหินย้อยที่เป็นฝีมือธรรมชาติ หยดน้ำที่หยดจากติ่งปลายของหินงอกหินย้อย เมื่อกระทบกับแสงไฟฉายของเราก็เกิดประกายเหมือนประกายเพชร หินงอกหินย้อยมีลักษณะของรูปคนตกปลา รูปแป๊ะยิ้ม รูปปลา โดยเฉพาะช้างหลากรูปแบบที่แปลกตาไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นหินงอกหินย้อยรูปช้างร้อย ๆ เชือกเดินตามกันเป็นวงรอบ หินงอกรูปช้างนั่งอยู่ใต้ฉัตรภายในถ้ำ บันไดสีทองเกิดจากหินงอกอันวิจิตร ยิ่งเมื่อถูกแสงไฟจะเป็นประกายสวยงามมาก การเที่ยวถ้ำพุงช้างใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 1 ชั่วโมง

          ทั้งนี้ เราไม่สามารถเก็บภาพมาฝากผู้อ่านได้ เนื่องจากไกด์ท้องถิ่นไม่อนุญาตให้นำกล้องเข้าไป เพราะเกรงว่าแฟลชกล้องจะทำให้หินตาย รวมทั้งยังกำชับนักท่องเที่ยวเมื่อเข้าไปแล้วอย่าไปจับหิน เพราะไขมันจากมือเราจะไปหยุดการเจริญเติบโตของหิน โดยไกด์ได้อธิบายว่าหินบางชิ้นยาวแค่ 3 เซนติเมตร ใช้เวลานานถึง 80 ปีเลยทีเดียว คำเตือนของไกด์ท้องถิ่นนั้นถือเป็นประโยชน์แก่นักท่องเที่ยวอย่างมาก เพราะนอกจากจะช่วยอนุรักษ์ธรรมชาติแล้ว ยังให้ความรู้ให้พวกเขาเหล่านั้นไปช่วยบอกต่อ หรือหากไปเที่ยวถ้ำอื่น ๆ ก็จะสามารถเที่ยวเป็นและไม่สร้างภาระให้แก่สถานที่ท่องเที่ยวอีกด้วย ตรงกับแนวคิด 7 Greens ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. เป็นอย่างยิ่ง 

          หลัง จากดื่มด่ำความมหัศจรรย์ดังที่กล่าวมา รู้สึกว่าเราโชคดีที่เกิดบนแผ่นดินไทยที่ร่ำรวยไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่ สวยงามรองรับพวกเราได้ทุกฤดูกาล ดังนั้น นอกจากมาเที่ยวเก็บเกี่ยวประสบการณ์ความสุขกลับไปแล้ว จะต้องทำหน้าที่เป็นผู้รักษาเพื่อให้ความงามเหล่านี้อยู่กับเราไปอีกยาว นาน  

          ผู้สนใจไปท่องเที่ยวสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ททท. โทรศัพท์ 1672 

กินลม ชมวิว ณ หาดนางรำ-หาดนางรอง ชลบุรี



เมื่อพูดถึงทะเลใกล้กรุงเทพฯ ก็คงหนีไม่พ้นจังหวัดชลบุรี เรียกว่าเหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนที่มีเวลาว่างไม่มากพอจะไปท่องเที่ยวไกล ๆ  สถานที่ท่องเที่ยวที่มีน้ำทะเลใส ๆ หาดทรายขาวสะอาดมาแนะนำกัน นั่นก็คือ หาดนางรำ และ หาดนางรอง ซึ่งตั้งอยู่ภายในท่าเรือจุกเสม็ด ฐานทัพเรือสัตหีบ เพราะนับเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่งดงาม   หาดนางรำ เป็นหาดที่มีความสวยงามและสมบูรณ์แห่งหนึ่งในฝั่งทะเลอ่าวไทยแถบตะวันออก โดยมีความยาวประมาณ 200 เมตร สุดปลายหาดจะเป็น แหลมนางรำ มีรูปปั้นตัวละครในเรื่องพระอภัยมณี เดินต่ออ้อมต่อไปอีกนิดจะเป็น หาดนางรอง ซึ่งมีความสวยงามไม่แพ้กัน โดยถือเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวบ้านท้องถิ่น เพราะมีความเงียบสงบ น้ำทะเลมีความสะอาดใส หาดทรายสีขาวนวลสวย เหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัว แถมยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งบริการร้านอาหารและที่พักสำหรับผู้ที่ต้องการค้างแรม พร้อมกิจกรรมชายหาด เช่น ดำน้ำดูปะการัง พายเรือคายัก และบานาน่าโบ๊ท  

          สำหรับ หาดนางรอง ตั้งอยู่ต่อจากแหลมนางรำเข้าไป มีหาดทรายขาวละเอียดสะอาดตา น้ำทะเลใสและคลื่นก็ไม่จัดมากนัก แต่ที่นี่น้ำจะลึกกว่าหาดนางรำ อีกทั้งผู้คนไม่ค่อยพลุกพล่าน เหมาะสำหรับการเล่นน้ำและพักผ่อนหย่อนใจ โดยเฉพาะการไปปิกนิกปูเสื่อนั่งเล่นรับลมเย็น ๆ พร้อมทั้งมีกิจกรรมและเครื่องเล่นทางน้ำมากมาย 





 หาดนางรำ-หาดนางรอง อยู่ภายในท่าเรือจุกเสม็ด การท่าเรือสัตหีบ ฐานทัพเรือสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เป็นสถานที่ท่องเที่ยวบรรยากาศชายทะเลที่สวยงาม มีชายหาดทรายละเอียดและน้ำทะเลใสสะอาดแห่งหนึ่งของทหารเรือ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้เข้ามาพักผ่อนเล่นน้ำได้ครับ เสียค่าบำรุงสถานที่ 20 ต่อ รถ 1 คันครับ




ทะเลอันดามัน จังหวัดตรัง


ล่องทะเลอันดามัน จังหวัดตรัง (ททท.)

          จังหวัดตรัง มีทะเลสวย ๆ มากมายหลายแห่ง อาทิ เกาะมุก เกาะกระดาน เกาะลิบง เกาะเชือก เกาะม้า เกาะเหลาเหลียง ดังนั้น ถ้าจะเที่ยวทะเลตรังให้ครบ จะต้องใช้เวลาอย่างน้อยสัก 3 วัน ถึงจะเพียงพอ แต่ใครเล่าจะมีเวลาเหลือเฟือขนาดนั้น

          ดังนั้น เริ่มแรกก่อนออกทะเลตรัง จะต้องรู้ว่าในทะเลตรังเขาท่องทะเลกันอย่างไร ที่ไหนบ้าง เพราะหากไปโดยไม่มีจุดหมาย ก็จะได้ท่องเที่ยวเพียงจุดเล็ก ๆ บางจุดและขาดจุดที่เป็นเสน่ห์ของทะเลตรังไปอย่างน่าเสียดาย สำหรับช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเที่ยวทะเลตรัง คือระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนพฤษภาคม เพราะคลื่นลมสงบ




โดยทริปท่องเที่ยวตรังส่วนใหญ่เริ่มต้นที่ หาดปากเมง อ.สิเกา ซึ่งเป็นที่ตั้งของ ท่าเรือปากเมง จุดรับส่งนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปท่องเที่ยวตามเกาะต่าง ๆ ของทะเลตรัง ณ ที่นั่น ท่านจะได้เห็นสัญลักษณ์ของ หาดปากเมง คือ เขาเมง ถือเป็นภาพแรกที่ดึงดูดสายตาผู้มาเยือนได้อย่างดีทีเดียว เนื่องจากความใหญ่โตของโขดเขากลางน้ำ คล้ายรูปคนนอนหงายทอดตัวยาวไปทางด้านเหนือ แถมประวัติเขาเมงที่เป็นเรื่องเล่าแฝงคติธรรม สอนให้คนที่ได้ฟังยึดถือในเรื่องความกตัญญู เป็นหลักในการใช้ชีวิตไม่ว่ายุคสมัยใดก็ตาม

          สำหรับทริปท่องทะเลตรังภายใน 1 วัน เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวในปัจจุบัน คือ ถ้ำมรกต-เกาะกระดาน-เกาะเชือก-เกาะม้า โดยแต่ละจุดจะให้นักท่องเที่ยว มีโอกาสได้ลงไปสัมผัสกับความเขียวของน้ำทะเลสีมรกต ของท้องทะเลตรังในรูปแบบดำน้ำตื้น เริ่มต้นทริปทะเลตรังกันที่...



นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มาท่องทะเลตรัง ล้วนแต่ได้รับประสบการณ์อันแสนประทับใจกลับไปทุกคน เนื่องจากความสวยงามของท้องทะเลตรัง และการดำน้ำตื้นในแต่ละจุดที่สร้างความเพลิดเพลิน โดยเฉพาะความหลากหลายของปะการังหลายรูปแบบซึ่งหาชมได้ยาก ว่ากันว่าต้องดำน้ำลึกถึงจะได้เห็น แต่ที่ทะเลตรังมีความพิเศษที่ท่านสามารถชมได้ เพียงแค่ใช้การดำน้ำตื้นเท่านั้น แต่ที่เห็นจะประทับใจแบบสุด ๆ คงจะเป็นการได้ลอยคอเข้าไปในถ้ำมรกต ทุกคนที่กลับออกมาต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า จะไม่ลืมบรรยากาศความสนุกสนาน ตอนที่ได้ลอยคอตีขาเข้าไปในถ้ำพร้อมกัน 

    

 เกาะขาม ไข่มุกมรกตแห่งทะเลตราด





เกาะขาม ชมความมหัศจรรย์ของโขดหินที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ (ททท.)

          เกาะขาม เป็นเกาะส่วนตัวเล็ก ๆ ตั้งอยู่ใกล้ ๆ กับ เกาะหมาก จังหวัดตราด ลักษณะเด่นของเกาะขาม คือ มีธรรมชาติค่อนข้างสมบูรณ์ หาดทรายขาว (สันทราย) ทอดยาวออกไปในทะเลประมาณ 300 เมตร และหมู่หินภูเขาไฟตั้งอยู่เรียงรายกับแนวปะการังหลากชนิด รอบ ๆ เกาะขามมีน้ำทะเลใสตลอดปี จนได้ฉายาว่า "ไข่มุกมรกตแห่งทะเลตราด"

          อาณา บริเวณของเกาะขามทิศตะวันออกมีสันทรายยื่นออกไปในทะเล และหาดส่วนตัวยาวประมาณ 200 เมตร ทำให้เกาะขามมีเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวมาชมความงดงามของธรรมชาติแห่งนี้ ทิศตะวันตกเป็นแนวเขา ซึ่งมีป่าไม้ขึ้นอยู่หนาแน่นอุดมไปด้วยกล้วยไม้ป่าหวายและสมุนไพรหลาย ๆ ชนิด

นอกจากนี้ แล้วบนเขายังมีจุดชมวิวทิวทัศน์ของหมู่เกาะต่าง ๆ ในละแวกนี้ และเป็นที่มาของจุดชมพระอาทิตย์ตกอันสวยงามจุดหนึ่งของเกาะขาม และบริเวณรอบ ๆ เกาะขามยังอุดมไปด้วยหมู่ปะการังนานาชนิด, ดอกไม้ทะเลสีสดใส, ปลาสวยงาม และหอยมือเสือ เป็นต้น ทำให้นักดำน้ำได้เพลิดเพลินกับความงามของธรรมชาติใต้ทะเลอีกด้วย

          แม้ ว่า เกาะขาม จะเป็นเกาะส่วนตัวเล็ก ๆ แต่ก็มีธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้เกาะใดในทะเลตราด ใช้เวลาเดินทาง 40 นาที ด้วยเรือเร็ว คุณก็จะพบกับอีกโลกหนึ่งที่เงียบสงบและสวยงามเกินบรรยากาศ ทั้งนี้ สอบถามเพิ่มเติม ททท.สำนักงานตราด โทรศัพท์ 0-3959-7259-60


การเดินทาง

          เส้นทางหลวงหมายเลข 3 กรุงเทพฯ-ตราด ระยะทาง 315 กิโลเมตร จากนั้นใช้เส้นทางตราด – แหลมงอบ 3 กิโลเมตร เจอทางแยกซ้ายให้เลี้ยวซ้ายตามเส้นทางหลวงหมายเลข 3155 มุ่งหน้าแหลมศอก บ้านอ่าวช่อ เดินทางสุดถนนจะเป็นท่าเทียบเรือแหลมศอก เพื่อเดินทางต่อไปยังเกาะขาม

กิจกรรมแนะนำ


          1. กิจกรรมชายหาด
          2. ดำน้ำตื้นและดำน้ำลึก      
          3. พายเรือคายัค        
          4. ชมวิถีชีวิตชุมชนชาวประมง
          5. ตกปลา ตกหมึก     
          6. ถ่ายภาพกับหินภูเขาไฟ