อันซีนจังหวัดพังงา ลุยถ้ำ
อันซีนจังหวัดช้างกลัว ลุยถ้ำ
สำหรับ อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา
มีพื้นที่ป่าชายเลนกว้างใหญ่ที่สุดของประเทศไทย
ในปัจจุบันมีเนื้อที่ป่าโดยรวมทั้งจังหวัด 190,265 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 18.17
ของเนื้อที่ป่าชายเลนทั้งประเทศ ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมืองฯ,
อำเภอตะกั่วทุ่ง และอำเภอเกาะยาว จุดเด่นคือมีภูเขามากมายหลายลูก
เป็นเขาหินปูนหน้าตาแปลก ๆ การเดินทางมาเที่ยวอ่าวพังงานั้นมาได้หลายทาง
เพราะจะสามารถขึ้นเรือได้จากหลายที่ หลายท่าเรือ ทั้งภูเก็ตหรือพังงา
แต่ เราไปขึ้นที่ท่าเรืออุทยานอ่าวพังงา โดยจะมีชาวบ้านคอยโบกรถเรียกนักท่องเที่ยวกันอยู่หลายเจ้า ส่วนมากก็เป็นชาวบ้านแถวนั้นทำกันเอง รูปแบบก็คือจะเช่าเรือหางยาวเป็นลำไป ไปได้ลำละหลายคน ไปกันเยอะ ๆ ก็จะคุ้มหน่อยเพราะได้ตัวหาร อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมชาวบ้านให้มีงานทำ กระจายรายได้ออกไป ไม่ใช่กระจุกตัวเฉพาะนายทุน หลังจากนั่งเรือเรียบร้อยก็จะออกเดินทาง โดยแล่นไปเรื่อย ๆ ให้เราได้ชื่นชมกับธรรมชาติ ชมเกาะต่าง ๆ ในอ่าวพังงา ไกด์ก็มาคอยอธิบายข้อมูลต่าง ๆ และแนะนำให้รู้ว่าเกาะไหนชื่ออะไร ความเป็นมาอย่างไร พร้อมตอบคำถามแก่นักท่องเที่ยวที่ช่างสงสัย
แต่ เราไปขึ้นที่ท่าเรืออุทยานอ่าวพังงา โดยจะมีชาวบ้านคอยโบกรถเรียกนักท่องเที่ยวกันอยู่หลายเจ้า ส่วนมากก็เป็นชาวบ้านแถวนั้นทำกันเอง รูปแบบก็คือจะเช่าเรือหางยาวเป็นลำไป ไปได้ลำละหลายคน ไปกันเยอะ ๆ ก็จะคุ้มหน่อยเพราะได้ตัวหาร อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมชาวบ้านให้มีงานทำ กระจายรายได้ออกไป ไม่ใช่กระจุกตัวเฉพาะนายทุน หลังจากนั่งเรือเรียบร้อยก็จะออกเดินทาง โดยแล่นไปเรื่อย ๆ ให้เราได้ชื่นชมกับธรรมชาติ ชมเกาะต่าง ๆ ในอ่าวพังงา ไกด์ก็มาคอยอธิบายข้อมูลต่าง ๆ และแนะนำให้รู้ว่าเกาะไหนชื่ออะไร ความเป็นมาอย่างไร พร้อมตอบคำถามแก่นักท่องเที่ยวที่ช่างสงสัย
จุดแรกที่เห็นคือ เขาหมาจู อยู่ระหว่างทางผ่านที่จะไปยังเกาะปันหยี
เป็นภูเขาหิน มีลักษณะคล้ายรูปสุนัขกำลังหมอบ เห็นส่วนหัว ลำตัว และหาง
จากนั้นก็ไปนั่งเรือยางบริเวณ ถ้ำลอด
โดยเราเป็นคนนั่งและมีคนพายที่ชำนาญมาก
โดยจะลอดถ้ำใหญ่และถ้ำเล็กถ้ำน้อยนับสิบถ้ำ
ยอมรับเลยว่าธรรมชาติได้สร้างสิ่งที่สวยงามมาก
ได้พบหินปูนรูปร่างแปลกตาสวยงามยิ่งนัก บางจุดเป็นสถานที่ต่ำมาก
ต้องนอนแนบกับเรือโดยมีหินอยู่ปลายจมูก อย่างไรก็ตาม
เที่ยวจุดนั้นไม่ต้องกลัวกระหายน้ำ เพราะมีชาวบ้านพายเรือมาขายน้ำมะพร้าวสด
ๆ หวาน ๆ ถึงที่เลย
หลังจากได้ใกล้ชิดธรรมชาติอย่างจุใจ ก็นั่งเรือไปที่ เขาพิงกัน เพื่อไปชม เขาตะปู หรือ "เกาะเจมส์บอนด์"
ที่โด่งดังระดับโลก
เพราะภาพยนตร์เรื่องเจมส์บอนด์เคยมาถ่ายทำเอาไว้นานมาแล้ว
ใครมาบริเวณนี้จะต้องยืนถ่ายรูปโดยมีเขาตะปูเป็นฉากหลังทุกคน
บางคนไม่เข้าท่า โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติ ก็ว่ายน้ำไปใกล้ ๆ
หารู้ว่าเป็นบริเวณที่อันตราย
เนื่องจากหินส่วนที่จมอยู่ใต้ทะเลได้ถูกน้ำทะเลกัดเซาะเป็นเวลานานนับล้านปี
จึงสึกกร่อนและมีขนาดเล็กกว่าส่วนบน
และไม่ทราบว่าอาจล้มลงมาในเวลาใดเวลาหนึ่งก็ได้ ดังนั้น
ผู้ที่รับผิดชอบต้องติดป้ายเตือนเอาไว้ด้วย
หรือสั่งห้ามเข้าใกล้ป้องกันเหตุไม่คาดฝัน
ส่วน เขาพิงกัน
เป็นภูเขาที่มีลักษณะพิเศษแปลกตาแตกต่างจากภูเขาอื่นใดทั้งสิ้น
โดยมีลักษณะเป็นภูเขาสองลูกที่แนบยึดติดกัน
เป็นแนวเส้นตรงจากยอดเขาสู่ตีนเขา
ผู้คนที่มีโอกาสได้ไปเยี่ยมชมเขาพิงกันต่างพากันสันนิษฐานว่า
ในอดีตกาลคาดว่าจะเป็นภูเขาลูกเดียวกัน
แต่ได้ถูกฟ้าผ่าหรือสายฟ้าฟาดอย่างประณีต
จนแยกภูเขาดังกล่าวออกเป็นสองลูกที่แนบชิดติดกันหรือพิงกัน
หรืออาจเกิดจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติอย่างใดอย่างหนึ่ง
ที่ทำให้ภูเขาดังกล่าวเกิดรอยร้าวหรือปริแยกเป็นสองส่วน
ที่มีลักษณะคล้ายถูกของมีคมตัดเป็นเส้นตรงจากยอดเขาสู่ตีนเขา
แต่ยังไม่ได้ถูกแยกออกจากกัน กลับถูกปล่อยให้ยังคงแนบชิดติดกัน
จนถูกเรียกว่าเขาพิงกัน
จากนั้นนั่งเรือย้อนกลับไป เกาะปันหยี เกาะเล็ก ๆ
ที่โด่งดังจากโฆษณาของธนาคารแห่งนี้ ที่มีทีมฟุตบอลบนเกาะกลางน้ำ
เกาะแห่งนี้มีบ้านเรือน 300 หลังคา มีประชากรประมาณ 4,000 คน
สามารถเข้าไปศึกษาและสัมผัสชีวิตของคนที่นี้
โดยมีศูนย์กลางหมู่บ้านและศาสนา บ้านเรือน ร้านค้า
และโรงเรียนตั้งอยู่ในน้ำ โดยมีทางเดินเชื่อมถึงกันด้วยสะพานไม้
ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสะพานปูนในปัจจุบัน เวลาน้ำขึ้น "หมู่บ้านปันหยี" จึงแลดูเหมือนหมู่บ้านลอยน้ำ แต่พอน้ำลงจะเห็นว่าบ้านนับร้อยหลังนั้นตั้งอยู่บนเสาที่ปักในเลนมาตั้งแต่อดีต
ด้านทิศตะวันออกของเกาะปันหยีจะมีร้านค้าเรียงรายตลอดสองทางเดิน แต่หากต้องการเห็นวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้าน ก็ต้องเดินเลยย่านการค้าไปทางทิศตะวันตก และจะได้พบเห็นศาลาประชาคม สภากาแฟ ร้านค้าสำหรับชาวบ้าน ร้านตัดผม โรงเรียน และมัสยิด ที่อยู่คู่กับชุมชนกลางทะเลมาตั้งแต่อดีต สถานที่แห่งนี้ถือเป็นจุดสร้างรายได้ให้แก่จังหวัดพังงากันมาก เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติต้องการมาสัมผัสวิถีชีวิต อีกทั้งทัวร์ต่าง ๆ ก็มักจะพานักท่องเที่ยวมาทานอาหารกลางวันกันที่นี่ ซึ่งไม่แน่ว่าอนาคตอาจทำให้วิถีชีวิตของคนที่นี่เปลี่ยนไปหรือไม่
จากนั้นเรากลับเข้าท่าเรือที่อุทยานฯ และนั่งรถไปไม่ไกลเพื่อไปปิดท้ายด้วยอันซีนจังหวัดพังงาที่หลายคนอาจไม่รู้จัก นั่นคือ ถ้ำพุงช้าง ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองพังงา หลังศาลากลางจังหวัด ก่อนเข้าตัวตลาดพังงา เมื่อเข้าไปในถ้ำพบค้างคาวห้อยหัวลงมาให้การต้อนรับ ภายในถ้ำมีความงดงามและความมหัศจรรย์ของธรรมชาติของหินงอกหินย้อยที่มีสภาพ ที่สมบูรณ์ มีสายน้ำไหลผ่านกลางถ้ำ แสดงให้เห็นถึงการไหลเวียนและการถ่ายเทของอากาศตลอดเวลา มีทั้งช่วงน้ำลึกและช่วงน้ำตื้น
ด้านทิศตะวันออกของเกาะปันหยีจะมีร้านค้าเรียงรายตลอดสองทางเดิน แต่หากต้องการเห็นวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้าน ก็ต้องเดินเลยย่านการค้าไปทางทิศตะวันตก และจะได้พบเห็นศาลาประชาคม สภากาแฟ ร้านค้าสำหรับชาวบ้าน ร้านตัดผม โรงเรียน และมัสยิด ที่อยู่คู่กับชุมชนกลางทะเลมาตั้งแต่อดีต สถานที่แห่งนี้ถือเป็นจุดสร้างรายได้ให้แก่จังหวัดพังงากันมาก เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติต้องการมาสัมผัสวิถีชีวิต อีกทั้งทัวร์ต่าง ๆ ก็มักจะพานักท่องเที่ยวมาทานอาหารกลางวันกันที่นี่ ซึ่งไม่แน่ว่าอนาคตอาจทำให้วิถีชีวิตของคนที่นี่เปลี่ยนไปหรือไม่
จากนั้นเรากลับเข้าท่าเรือที่อุทยานฯ และนั่งรถไปไม่ไกลเพื่อไปปิดท้ายด้วยอันซีนจังหวัดพังงาที่หลายคนอาจไม่รู้จัก นั่นคือ ถ้ำพุงช้าง ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองพังงา หลังศาลากลางจังหวัด ก่อนเข้าตัวตลาดพังงา เมื่อเข้าไปในถ้ำพบค้างคาวห้อยหัวลงมาให้การต้อนรับ ภายในถ้ำมีความงดงามและความมหัศจรรย์ของธรรมชาติของหินงอกหินย้อยที่มีสภาพ ที่สมบูรณ์ มีสายน้ำไหลผ่านกลางถ้ำ แสดงให้เห็นถึงการไหลเวียนและการถ่ายเทของอากาศตลอดเวลา มีทั้งช่วงน้ำลึกและช่วงน้ำตื้น
การเที่ยวถ้ำพุงช้างนั้นนักท่องเที่ยวต้องผจญภัยนิดหน่อย
เพราะจะต้องเดินลุยน้ำ นั่งแพ และนั่งเรือแคนู
เพื่อเข้าไปชมหินงอกหินย้อยที่เป็นฝีมือธรรมชาติ
หยดน้ำที่หยดจากติ่งปลายของหินงอกหินย้อย
เมื่อกระทบกับแสงไฟฉายของเราก็เกิดประกายเหมือนประกายเพชร
หินงอกหินย้อยมีลักษณะของรูปคนตกปลา รูปแป๊ะยิ้ม รูปปลา
โดยเฉพาะช้างหลากรูปแบบที่แปลกตาไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน
ไม่ว่าจะเป็นหินงอกหินย้อยรูปช้างร้อย ๆ เชือกเดินตามกันเป็นวงรอบ
หินงอกรูปช้างนั่งอยู่ใต้ฉัตรภายในถ้ำ บันไดสีทองเกิดจากหินงอกอันวิจิตร
ยิ่งเมื่อถูกแสงไฟจะเป็นประกายสวยงามมาก
การเที่ยวถ้ำพุงช้างใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 1 ชั่วโมง
ทั้งนี้ เราไม่สามารถเก็บภาพมาฝากผู้อ่านได้ เนื่องจากไกด์ท้องถิ่นไม่อนุญาตให้นำกล้องเข้าไป เพราะเกรงว่าแฟลชกล้องจะทำให้หินตาย รวมทั้งยังกำชับนักท่องเที่ยวเมื่อเข้าไปแล้วอย่าไปจับหิน เพราะไขมันจากมือเราจะไปหยุดการเจริญเติบโตของหิน โดยไกด์ได้อธิบายว่าหินบางชิ้นยาวแค่ 3 เซนติเมตร ใช้เวลานานถึง 80 ปีเลยทีเดียว คำเตือนของไกด์ท้องถิ่นนั้นถือเป็นประโยชน์แก่นักท่องเที่ยวอย่างมาก เพราะนอกจากจะช่วยอนุรักษ์ธรรมชาติแล้ว ยังให้ความรู้ให้พวกเขาเหล่านั้นไปช่วยบอกต่อ หรือหากไปเที่ยวถ้ำอื่น ๆ ก็จะสามารถเที่ยวเป็นและไม่สร้างภาระให้แก่สถานที่ท่องเที่ยวอีกด้วย ตรงกับแนวคิด 7 Greens ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. เป็นอย่างยิ่ง
หลัง จากดื่มด่ำความมหัศจรรย์ดังที่กล่าวมา รู้สึกว่าเราโชคดีที่เกิดบนแผ่นดินไทยที่ร่ำรวยไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่ สวยงามรองรับพวกเราได้ทุกฤดูกาล ดังนั้น นอกจากมาเที่ยวเก็บเกี่ยวประสบการณ์ความสุขกลับไปแล้ว จะต้องทำหน้าที่เป็นผู้รักษาเพื่อให้ความงามเหล่านี้อยู่กับเราไปอีกยาว นาน
ผู้สนใจไปท่องเที่ยวสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ททท. โทรศัพท์ 1672
ทั้งนี้ เราไม่สามารถเก็บภาพมาฝากผู้อ่านได้ เนื่องจากไกด์ท้องถิ่นไม่อนุญาตให้นำกล้องเข้าไป เพราะเกรงว่าแฟลชกล้องจะทำให้หินตาย รวมทั้งยังกำชับนักท่องเที่ยวเมื่อเข้าไปแล้วอย่าไปจับหิน เพราะไขมันจากมือเราจะไปหยุดการเจริญเติบโตของหิน โดยไกด์ได้อธิบายว่าหินบางชิ้นยาวแค่ 3 เซนติเมตร ใช้เวลานานถึง 80 ปีเลยทีเดียว คำเตือนของไกด์ท้องถิ่นนั้นถือเป็นประโยชน์แก่นักท่องเที่ยวอย่างมาก เพราะนอกจากจะช่วยอนุรักษ์ธรรมชาติแล้ว ยังให้ความรู้ให้พวกเขาเหล่านั้นไปช่วยบอกต่อ หรือหากไปเที่ยวถ้ำอื่น ๆ ก็จะสามารถเที่ยวเป็นและไม่สร้างภาระให้แก่สถานที่ท่องเที่ยวอีกด้วย ตรงกับแนวคิด 7 Greens ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. เป็นอย่างยิ่ง
หลัง จากดื่มด่ำความมหัศจรรย์ดังที่กล่าวมา รู้สึกว่าเราโชคดีที่เกิดบนแผ่นดินไทยที่ร่ำรวยไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่ สวยงามรองรับพวกเราได้ทุกฤดูกาล ดังนั้น นอกจากมาเที่ยวเก็บเกี่ยวประสบการณ์ความสุขกลับไปแล้ว จะต้องทำหน้าที่เป็นผู้รักษาเพื่อให้ความงามเหล่านี้อยู่กับเราไปอีกยาว นาน
ผู้สนใจไปท่องเที่ยวสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ททท. โทรศัพท์ 1672
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น