วันพฤหัสบดีที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2556

เที่ยวหมู่เกาะสุรินทร์ สถานที่พักผ่อนสไตล์อนุรักษ์ธรรมชาติ



หมู่เกาะสุรินทร์ ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสไตล์การศึกษาธรรมชาติยอดฮิตของจังหวัด พังงา และถือเป็นที่สุดแห่งป่าปะการังและวิถีชาวเลก็ว่าได้เลยค่ะ แถม อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ ยังเป็นห้องเรียนธรรมชาติที่สมบูรณ์บริสุทธิ์เป็นที่รวมของระบบนิเวศจากป่า ดิบชื้น ป่าชายหาด ป่าชายเลน มาประจบกับแนวปะการัง ซึ่งเป็นระบบนิเวศที่หลากหลายที่สุดในท้องทะเล
          และด้วยอาณาเขตที่ครอบคลุมทั้งทะเลและพื้นป่าอันสุดสมบูรณ์ จึงมีความหลากหลายทางชีวภาพสูงมาก ตั้งแต่ปลาใหญ่ที่สุดในโลก เช่น ฉลามวาฬ จนถึงนกหายากอย่าง กระแตผีชายหาด ชาปีไหน รวมทั้งสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เช่น บ่าง จึงไม่มีเหตุผลใดที่ผู้ไปเยือนจะก่อความเสียหาย ทำลาย หรือแม้แต่กระทำการรบกวนต่อเจ้าของบ้าน เช่น ปูเสฉวนตัวเล็ก ๆ สักตัว




สถานที่ตั้ง

          หมู่ เกาะสุรินทร์ หรือ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ ตั้งอยู่ที่ ตำบลคุระ อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา เป็นหมู่เกาะที่ตั้งอยู่ในทะเลอันดามันและอยู่ติดชายแดนประเทศพม่า ห่างจากฝั่งทะเลด้านตะวันตกของไทยประมาณ 70 กิโลเมตร ประกอบด้วยเกาะ 5 เกาะ คือ เกาะสุรินทร์เหนือ เกาะสุรินทร์ใต้ เกาะรี เกาะไข่ และเกาะกลาง โดยมีเนื้อที่ประมาณ 84,375 ไร่ หรือ 135 ตารางกิโลเมตร มีสภาพเป็นภูเขาบังคลื่นลม วางตัวเป็นกลุ่มทำให้มีอ่าวขนาดใหญ่ จึงเกิดแนวปะการังริมฝั่งโดยรอบเกาะทั้งหมู่เกาะ เพราะด้วยอิทธิพลของคลื่นลม

          และ ลักษณะภูมิประเทศของหมู่เกาะสุรินทร์ ถือเป็นแหล่งที่เหมาะต่อการพัฒนาแนวปะการัง คือ น้ำใส อุณหภูมิพอเหมาะ และมีการผสมผสานของน้ำที่ได้รับสารอาหารจากมวลน้ำเบื้องล่างที่ปะทะเกาะ ความอุดมสมบูรณ์ของแพลงก์ตอน ซึ่งเป็นอาหารสำหรับปลาและสัตว์อื่น ๆ และปัจจัยที่สำคัญอีกหนึ่งประการคือ ลักษณะของน้ำขึ้นน้ำลงในทะเลอันดามัน ซึ่งเป็นแบบ Semidiurnal คือ น้ำขึ้นและน้ำลงอย่างละ 2 ครั้ง ใน 24 ชั่วโมง และความแตกต่างระหว่างน้ำขึ้นสูงสุดและต่ำสุดอาจถึง 3 เมตร ทำให้มีกระแสน้ำเลียบฝั่งค่อนข้างแรง
          เกาะสุรินทร์เหนือ และ เกาะสุรินทร์ใต้ ตั้งอยู่ชิดกันคล้ายเกาะแฝด โดย มีพื้นน้ำตื้น ๆ กว้างประมาณ 200 เมตร กั้นอยู่ในช่วงน้ำลงสามารถข้ามไปยังอีกเกาะได้ เรียกว่า อ่าวช่องขาด ส่วนเกาะขนาดน้อยใหญ่อีก 3 เกาะ เป็นเกาะหินที่มีต้นไม้แคระแกร็นขึ้นอยู่ไม่หนาแน่นนัก พืชพรรณที่พบเป็นพืชป่าดิบชื้น เป็นแหล่งกำเนิดของแนวปะการังน้ำตื้นขนาดใหญ่และสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของ ประเทศไทย
         
          โดย เกาะสุรินทร์เหนือ เป็นที่ตั้งของที่ทำการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ มีบ้านพัก ร้านอาหาร อุปกรณ์ดำน้ำตื้น และเรือหาง ซึ่งเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมกางเต็นท์มากที่สุด คือ บริเวณหน้าอ่าวช่องขาด ตรงข้ามกับ เกาะสุรินทร์ใต้ แถมบริเวณนี้ยังเป็นจุดชมดวงอาทิตย์ตกที่สวยงามมาก รองลงมาคือลานกว้าง เหนือหาดที่อ่าวไม้งาม ส่วน เกาะสุรินทร์ใต้ ต้องนั่งเรือไปจากเกาะสุรินทร์เหนือเท่านั้น ส่วนใหญ่เป็นกิจกรรมการดำน้ำตื้นรอบ ๆ เกาะ จุดเด่น คือ อ่าวสุเทพ, อ่าวผักกาด


สถานที่ศึกษาเส้นทางธรรมชาติ
          อุทยาน แห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติระยะประมาณ 2 กิโลเมตร จากที่ทำการ ฯ สู่หาดไม้งาม การเดินทางไปกลับอย่างน้อย 2 ชั่วโมง สำหรับการซึมซับและสัมผัสถึงเส้นทางที่รวมความหลากหลายของป่าดิบ จนถึงแนวปะการังไว้ในที่แห่งเดียว

          ป่า ดงดิบ เป็นป่าที่มีพื้นที่มากที่สุด มีความอุดมสมบูรณ์ ประกอบด้วยพรรณไม้หลายชนิด เช่น คอแลน มะยง เท้าแสนปม กระเบากลัก ลำป้าง มะพลับ รวมถึงพันธุ์ไม้หายากอื่นอีกมากมาย นอกจากนี้ ยังมีพรรณไม้ชนิดอื่น ๆ อีกมากมาย และจากสภาพป่าที่อุดมสมบูรณ์นี้จึงเป็นแหล่งที่อาศัยของสัตว์ป่านานาชนิด โดยเฉพาะนกซึ่งพบมากกว่า 80 ชนิด เช่น นกขุนทอง นกลุมพูขาว นกแซงแซวหางบ่วงใหญ่ นกชาปีไหน (เป็นนกที่หายาก) และหากเดินไปตามชายทะเลจะพบนกยางทะเล นกนางนวล เหยี่ยวแดง บินเหนือท้องทะเลเพื่อล่าปลาเป็นอาหาร ส่วนภายในป่าจะพบลิงกังอยู่เป็นฝูงใหญ่ ค้างคาวแม่ไก่ และค้างคาวหนูผี
          ด้านไม้เถาเลื้อย ได้แก่ เถาปลอง แสลงพันเถา ลิ้นกวาง ขมัน เป็นต้น ป่าชายหาด เช่น โพกริ่ง กระทิง ตีนเป็ดทะเล สนทะเล เป็นต้น และป่าชายเลน เช่น โกงกางใบใหญ่ โกงกางใบเล็ก โกงกางหัวสุม ตะบูน ลำแพนหิน ตีนเป็ดทะเล หรือพืชอิงอาศัยพวกกระแตไต่ไม้ และกล้วยไม้บางชนิดค่ะ


















สิ่งมีชีวิตในแนวปะการัง

          แนวปะการังที่พบในหมู่เกาะสุรินทร์เป็นแนวปะการังริมฝั่ง หรือที่เรียกกันว่า Fringing Reef ปะการังที่พบได้มาก ได้แก่ ปะการังดอกกะหล่ำ ปะการังเขากวาง ปะการังโขดหรือปะการังนิ้วมือ ปะการังดอกเห็ด ปะการังแผ่นเปลวไฟหรือปะการังดอกจอก ปะการังสมอง ปะการังจาน ปะการังไฟ ดอกไม้ทะเล ปะการังอ่อน กัลปังหา และปากกาทะเล เป็นต้น

          ส่วนบริเวณดำน้ำดูปะการังจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ปะการังน้ำลึก และ ปะการังน้ำตื้น ซึ่งมีสถานที่ดำน้ำ ดังนี้...          แหล่งดำน้ำลึกที่โดดเด่นมากที่สุด ก็คือ กองหินปริ่มน้ำที่มีชื่อว่า ริเชลิว ซึ่งกำลังจะถูกผนวกเข้ากับอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ กองหินนี้อยู่ห่างจากเกาะสุรินทร์มาทางทิศตะวันออกประมาณ 14 กิโลเมตร
          ส่วนแหล่งดำน้ำตื้นเกือบทุกอ่าวจะเต็มไปด้วยแนวปะการังแข็งที่สมบูรณ์ที่สุด ของท้องทะเลไทย เป็นที่อาศัย หากิน หลบภัย และขยายพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตจำนวนมากในระบบนิเวศ ทั้งหมดนี้สามารถชมได้เพียงก้มมองใต้ผิวน้ำ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จึงไม่พลาดโอกาสที่จะต้องลงดำน้ำตื้นเมื่อมาถึงหมู่ เกาะสุรินทร์ จุดดำน้ำตื้นที่สำคัญของเกาะสุรินทร์ ได้แก่

          1. อ่าวแม่ยาย มีปะการังแข็ง ปะการังอ่อน หอยมือเสือ          2. หินกอง บริเวณนี้มีปลาใหญ่เยอะหน่อย          3. อ่าวเต่า มีปลาและหนอนพู่ฉัตร          4. อ่าวมังกร จะมีกลุ่มดอกไม้ทะเลและปลาการ์ตูน          5. เกาะตอรินล่า มีเต่าทะเล ปลาฉลามหูดำและแนวปะการังเขากวาง          6. อ่าวสุเทพ มีกัลปังหา ปะการังและปลาตามพื้นหน้าดิน อาทิ ปลากระเบน ปลาโรนัล          7. อ่าวไม้งาม มีปลาน้อยใหญ่ ตามปะการังจำนวนมาก          8. อ่าวจาก บริเวณนี้มีปะการังและปลาเยอะ          9. อ่าวผักกาด เน้นดูปลานานาชนิด          10. เกาะสต๊อก ที่นี่จะมีปลาใหญ่ ๆ ให้ดูเยอะ

 นอกจากปะการังแข็งที่พบทั่วไปแล้ว ยังพบหญ้าทะเลซึ่งมี 3 ชนิด ได้แก่ หญ้าเงาหรืออำพัน หญ้ากุ่ยช่ายเข็ม และหญ้าชะเงาเต่า อีกทั้งยังมีฟองน้ำ หนอนทะเล กุ้งมังกร กุ้ง ปู หอย หมึก ดาวทะเล ดาวเปราะ ดาวขนนก เม่นทะเล ปลิงทะเลเพรียงหัวหอม และกลุ่มปลาชนิดต่าง ๆ เช่น ปลาสลิดหิน ปลานกขุนทอง ปลาผีเสื้อ ปลาสินสมุทร ปลานกแก้ว เป็นต้น นอกจากนี้ ยังเป็นแหล่งของสัตว์ทะเลหายาก เช่น ฉลามวาฬ วาฬ และเต่าทะเล ซึ่งพบ 4 ชนิดด้วยกันได้แก่ เต่ามะเฟือง เต่าตนุ เต่ากระ และเต่าหญ้าอีกด้วยค่ะ

          ส่วนไฮไลท์สำคัญของการมาเที่ยวที่แห่งนี้ คือ หมู่เกาะชาวเล "มอแกน" เป็นชุมชนเผ่าเร่ร่อนที่ยังคงรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิมไว้มากที่สุด ปัจจุบัน ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่หมู่เกาะสุรินทร์ บริเวณอ่าวไทรเอน และอ่าวบอน นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชนพื้นเมืองเดิมที่น่า เยี่ยมชม รวมทั้งเราจะได้เห็นถึงวัฒนธรรมของชาวมอแกน คือ ลอโปง รูปสลักบนเสาไม้เป็นตัวแทนของวิญญาณชาย หรือ ผีตา เรียกว่า อีบ๊าบ และวิญญาณหญิง หรือ ผียาย เรียกว่า อีบูม เพื่อปกป้องคุ้มครองชาวมอแกน




ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวทุกคนต้องคำนึงถึงกฎระเบียบข้อห้ามของเจ้าหน้าที่อุทยานฯ อย่างเคร่งครัดด้วยจิตสำนึก คือ ไม่เก็บทุกอย่างออกจากพื้นที่นอกจากขยะ ไม่ส่งเสียงดังรบกวนผู้อื่นรวมทั้งสัตว์ป่า ไม่ทำลายหรือกระทำอื่น ๆ ใดที่ทำให้พืช สัตว์ และสภาพแวดล้อมเสียหาย รวมทั้งตระหนักถึงคุณค่าของธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ ที่เราทุกคนต้องใช้ร่วมกันและรักษาไว้เพื่อตัวเราเองและลูกหลานสืบไปด้วยค่ะ

          อุทยาน แห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ ไม่ได้เป็นแค่เพียงสถานที่ให้นักท่องเที่ยวแวะเวียนมาเยี่ยมชม หาความสำราญสนุกสนานเฮฮาเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่ซึ่งมีคุณค่าอันประเมินไม่ได้ เป็นมรดกทางธรรมชาติ และยังเป็นแหล่งความรู้สำหรับทุกคน อีกทั้งยังเป็นที่รวมของธรรมชาติทั้งพันธุ์พืชและสัตว์ป่ามากมายหลายชนิดก็ ว่าได้ค่ะ ใครที่ยังไม่มีสถานที่เที่ยวเจ๋ง ๆ ก็ลองไปเที่ยวแบบศึกษาเส้นทางธรรมชาติดูบ้างนะคะ เราจะได้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ธรรมชาติให้คงอยู่


ติดต่อที่ไหนได้บ้าง
          สถานที่ติดต่อ : อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ ตำบลคุระ อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา 82150
          โทรศัพท์ : (076) 472 145, (076) 472 146
          โทรสาร : (076) 472 147
          อีเมล : www.mukosurin.com
          สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการรายละเอียดอื่น ๆ รวมถึงการจองบ้านพักและเต็นท์ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ park.dnp.go.th


Creative Tourism นิยามใหม่ของเกาะยาว


 ไปทะเล ลงเกาะ หวังแค่ได้เจอฟ้างาม น้ำใส ปะการังสวย และมีช่วงเวลาเงียบ ๆ นั่งชมแสงแรกแสงสุดท้ายผุดขึ้นและจมหายอยู่ตรงหน้า ต่างก็เพียงพอสำหรับนิยามความสุขของการมาเที่ยวทะเลแล้ว แต่เชื่อไหม มีบางเกาะที่ทำให้เราค้นพบความสุขแปลกใหม่ ชนิดที่เท้าไม่ต้องแตะน้ำทะเล เป็นความสุขที่เกิดจากการนำทรัพยากรในท้องถิ่น บวกกับความคิดของคนบนเกาะออกมาเป็นกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ กิจกรรมง่าย ๆ แต่ส่งพลังความสุขรุนแรงกระทบชิ่งไปมาระหว่างเจ้าบ้านและผู้มาเยือนอย่าง สมดุล

เกาะยาว...นิยามตามที่เห็น
            หากใครถูกสั่งย้ายให้มาประจำที่เกาะยาวเมื่อสักสามสิบ สี่สิบปีก่อนคงต้องบ่นอุบกับตัวเองว่า "ฉันโดนปล่อยเกาะ" เพราะ ความเวิ้งว้างของพื้นที่กลางทะเล 88,125 ไร่ ที่รายล้อมด้วยเกาะน้อยใหญ่อีก 44 เกาะ คงจะเงียบเหงาและเดียวดายสำหรับคนนอกพื้นที่ จาก 44 เกาะ มีคนอาศัยอยู่เพียง 2 เกาะเท่านั้น คือ เกาะยาวน้อย และเกาะยาวใหญ่ ทว่าเป็น 2 เกาะที่มีขนาดใหญ่พอจะยกฐานะเป็นอำเภอเกาะยาว แยกออกจากอำเภอเมืองฯ จังหวัดพังงา ได้เมื่อ 25 ปีมานี้

ครั้งนี้ฉันตั้งใจเลือกเดินทางจากท่า ด่าน จังหวัดพังงา เพราะอยากไปเยี่ยมตัวเมืองพังงาในช่วงเช้า และอยากนั่งเรือช้าปล่อยใจสบาย ๆ ชมเกาะแก่งในอ่าวพังงาระหว่างทางแบบไมรีบร้อน ถึงท่าเรือสุขา เกาะยาวน้อย พี่เกษม เพ็ชรสังข์ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ และ บังหมูด อมร กุลบัส คนดั้งเดิมของเกาะยาวน้อย ขับรถโพท้อง (รถไม้ท้องถิ่น) มารอรับ ใครที่ได้นั่งรถบังหมดอาจเผลอใจคิดว่าตัวเองเป็นดาราเอาเลียง่าย ๆ เพราะเป็นรถโพท้องคันเดียวของ เกาะยาวน้อย ที่ขับผ่านเมื่อไหร่ทั้งไทยเทศต่างมองกันเหลียวหลัง บางครั้งถึงขั้นให้หยุดขอถ่ายรูปเลยทีเดียว
            บ่ายคล้อยมาถึงท่าเขา เบย์วิว บังกะโล แอนด์ เรสเตอร์รอง ที่พักอย่างง่าย เกิดจากการรวมกลุ่มเล็ก ๆ ของชาวบ้านท่าเขา ถือเป็นจุดชมวิวป่าเกาะ เกาะแก่งน้อยใหญ่ในเขตจังหวัดกระบี่ได้ชัดตา และเห็นพระจันทร์ดวงโตจากระเบียงร้านอาหารยามค่ำคืนได้ชัดเจนบ้านพักแทรกตัว อยู่ในสวนยางพารากลมกลืน โดย บังเซ็ม ประพันธ์ เบ็นอ้าหมาด หนึ่งในผู้ก่อตั้ง บอกกับเราว่า "รีสอร์ททุกที่แถบนี้ส่วนมากจะสร้างให้กลมกลืนกับธรรมชาติ ดูเผิน ๆ จะไม่รู้เลยว่ามีรีสอร์ท เพราะจะแทรกตัวอยู่กับธรรมชาติแบบเนียน ๆ ดูเอาเถิด ขนาดโรงแรมใหญ่เครือซิกส์เซนส์คืนละสี่ห้าแสน เขาก็สร้างเป็นกระต๊อบอยู่ในสวนยางนั่นแหละ ที่สำคัญในหมู่บ้านเราตกลงกันว่าจะไม่สร้างสิ่งปลูกสร้างตรงฝั่งที่เป็นทะเล ปล่อยให้ทุกคนได้กินวิวและใช้ประโยชน์ร่วมกัน"


เกาะยาวน้อย...นิยามตามสร้างสรรค์ (1)

            เดินเลียบหาดมาไม่ไกลเห็นกลุ่มผู้เฒ่ากำลังใช้ลวดเส้นใหญ่ดัดไปมาตามโครง หวาย คล้ายเป็นเหมือนห้องพักขนาดย่อม ๆ ก็ไม่เชิง เขากำลังทำลอบปลาหรือผูกไซใหญ่ อุปกรณ์หาปลาขนาดมหึมา

            ไซ 1 ลูกดักปลาได้ถึง 100-300 กิโลกรัม ใช้เวลาทำ 1 ลูก ประมาณ 3-7 วัน ขึ้นอยู่กับความชำนาญ และสามารถใช้งานได้นานประมาณ 4 เดือน โดยจะบรรทุกไซขึ้นบนเรือไปจมไว้ตามแหล่งปลาชุกชุมในช่วง "น้ำตาย" คือช่วงที่มีระดับน้ำขึ้นลงเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก และกระแสน้ำไม่เชี่ยว ประมาณวันขึ้น 8 ค่ำ ถึงขึ้น 10 ค่ำ จมทิ้งไว้ 15 วัน แล้วค่อยดำน้ำลงไปดูว่ามีปลาเข้าไซหรือไม่ หากมีจำนวนมากพอและประเมินแล้วว่าคุ้มค่าจึงค่อยกู้ขึ้นมา




         ไม่ไกลกันที่บริเวณท่าเรือท่าเขา สมาชิกกลุ่มแม่บ้านเกษตรกร บ้านท่าเขากำลังบรรจงวาดเทียนลงบนผ้าเรยอนและผ้าไหมอินโด กั้นสีไม่ให้ไหลมารวมกัน เผยลวดลายตามใจบนผ้าสีสด มีลายเด่น คือลายนกแก๊ก-นกแกง นกในวงศ์นกเงือกที่พบเห็นได้ง่ายบนเกาะยาวน้อย อีกฟากคือร้านค้าของกลุ่มรักษ์กะลามะพร้าวเกาะยาว ผลิตภัณฑ์จากกะลามะพร้าวถูกจัดเรียงไว้อย่างดี ทั้งเข็มขัด สร้อย จวัก ทัพพี แต่ที่ขายดีที่สุดคือกระบวย เพราะส่วนใหญ่โรงแรมจะซื้อเหมาไปใช้ในสปา

ช่วงเย็นสังเกตเห็นคนใช้พาหนะสองล้อกันขวักไขว่ โดยเฉพาะรถจักรยาน ที่ชาวบ้านเองและนักท่องเที่ยวหันมาปั่นกันมากขึ้น ด้วยสภาพถนนที่ปูซีเมนต์เกือบรอบเกาะ และทิวทัศน์สองข้างทางที่ชวนปั่นชม ฉันเองก็ลังเลอยู่นานว่าเวลาอันน้อยนิดของเย็นวันนี้จะเลือกเช่าจักรยานหรือ จักรยานยนต์ดี แต่ประเมินจากกำลังขาและความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง บวกกับน้ำหนักของอุปกรณ์ต่าง ๆ แล้ว ขอเกเรเลือกขี่จักรยานยนต์ไปตามเส้นทางขึ้น ๆ ลง ๆ รอบเกาะกว่า 10 กิโลเมตร ไว้มาตัวเปล่าครั้งหน้าจะขอปั่นจักรยานวัดกำลังขาดูสักตั้ง
            ลัด เลาะตามถนนไปเรื่อย ๆ ผ่านสวนยางพารา เลียบชายหาด ป่าโกงกาง จนไปถึงทุ่งนา ครั้งแรกที่เห็นทำเอาอึ้งไม่น้อย เพราะไม่คิดว่าใครจะมาปลูกข้าวกลางทะเล ปัจจุบันมีผืนนาขึ้นทะเบียนกับทางสำนักงานเกษตรอำเภอแล้วกว่า 500 ไร่ ส่วนพันธุข้าวที่นิยมปลูก คือ หอมมะลิและปทุมธานี ช่วงปลูกข้าวและเก็บเกี่ยว ควายเพื่อนยากจะถูกนำไปเลี้ยงไว้ตามเรือกสวน เมื่อเกี่ยวข้าวเสร็จจะถูกปล่อยกลับลงมาเลี้ยงในนาอวดโฉมให้นักท่องเที่ยวชม โดยเฉพาะช่วงเวลาที่ควายเอาตัวไปนอนจมปลักโคลนอย่างสบายอารมณ์ จนนักท่องเที่ยวเรียกติดปากกันว่าสปาควาย กลายเป็นจุดขายตลอดกาลอย่างหนึ่งของเกาะยาวน้อย
            มาถึงกลางนาแห่งเกาะยาวน้อย อย่าลืมแวะดื่มป้ามะพร้าวสด ๆ จากต้น ในสวนของป๊ะบ่าวและม๊ะย๊ะ ลูกละ 20 บาท เมื่อลองเปลี่ยนมาดื่มน้ำมะพร้าว ชมวิวทุ่งนา ฝูงควาย ฟังเสียงว่าว และเรื่องเล่ากลางขนำ (กระต๊อบ) ก็สุนทรี
ยะไปอีกแบบ

เกาะยาวน้อย...นิยามตามสร้างสรรค์ (2)
            เช้านี้เรามีภารกิจกับ "ความน่าจะเป็น" หกโมงเข้า พี่อนุรักษ์ เก็บทรัพย์ หรือ Mr. Bay สมาชิกชมรมดูนกเกาะยาวน้อย พาพวกเราไปเฝ้าดูนกแก๊ก มีคนบอกว่าถ้ามาเกาะยาวน้อยแล้วไม่เห็นนกแก๊ก ก็ไม่ต้องคิดจะไปส่องหานกแก๊กที่อื่น เพราะดวงคงไม่สมพงษ์กับนก

            ระหว่างที่ดูนกกระจาบทุ่งกับนกปรอดตัวดำอยู่เพลิน ๆ ก็ได้ยินเสียงร้องคุ้นหูของนกแก็กมาแต่ไกล แล้วค่อย ๆ บินออกมาจากต้นไม้ต้นเดียวกันทีละตัว บางคู่บินแยกจากฝูงวนไปวนมาตามโพรงยอดมะพร้าวที่ตายแล้ว เพื่อหาที่อยู่ใหม่ในฤดูสืบพันธุ์ จากจุดนี้ประเมินด้วยสายตาไม่น่าต่ำกว่า 10 ตัว
"เท่าที่สำรวจจำนวนนกแก๊กบนเกาะยาวน้อยมีประมาณ 150 ตัว แล้วยังมีนกประจำถิ่นอีกกว่า 160 ชนิด ความแปลกของนกแก๊กบนเกาะยาวน้อยคือพบเห็นได้ง่าย ไม่จำเป็นต้องเข้าป่า แค่นั่งกินข้าวเข้าตรงระเบียงหน้าบ้านก็มีโอกาสเห็นแล้ว แถมไม่กลัวคน เพราะคนเกาะยาวเขาอนุรักษ์กันทั้งเกาะ แล้วถ้าใครคิดจะเอานกแก๊กออกจากเกาะยาว ผมว่าไม่น่าข้ามเรือกลับไปได้" พี่อนุรักษ์เล่าพลางหัวเราะ

           เสร็จ จากดูนกลองเปลี่ยนบรรยากาศมากินอาหารเช้าสไตล์กึ่งสภากาแฟของชาวเกาะยาวที่ ร้านหมูดฅนชั้นล่าง ขนมจีน ข้าวมันไก่ ข้าวหมกไก่ ข้าวยำ กับกาแฟข้น ๆ หรือชาเย็นเข้ม ๆ แกล้มขนมกรวย ข้าวเหนียวหน้ามะม่วง ขนมต้ม พร้อมฟ้งเสียงเล่าข่าวของคนในสภาที่เริ่มคึกคักกันตั้งแต่ตีห้าไปจนถึงช่วง สาย ๆ ที่สำคัญร้านหมูดฅนชั้นล่างคือต้นแบบการทำจิตอาสามาตั้งแต่ยังไม่มีคำนี้ เกิดขึ้นด้วยซ้ำ คือจะให้คนสูงอายุที่มีอายุ 70 ปีขึ้นไปกินฟรี

        
  เกาะยาวบ่อย...นิยามตามสร้างสรรค์ (3)
           ศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวจังหวัดพังงา ส่งเสียงผ่านโทรศัพท์ย้ำหนักหนาว่ามาคราวนี้ "อย่าลืมไปดูจ๊ะมิน๊ะห์สอนทำอาหารไทยล่ะ" เราเดินเข้าซอยตามป้าย Minas Thai Cooking Class เข้าไปเรื่อย ๆ จนเจอบ้านหลังหนึ่งที่ครัวเด่นกว่าส่วนอื่นของบ้าน ซึ่งมั่นใจว่าเรามาถูกบ้านแน่ นักเรียนชาวเยอรมัน 3 คน สวมผ้ากันเปื้อนทำจากผ้าปาเต๊ะ กำลังฟัง เสาวนีย์ เริงสมุทร หรือ จ๊ะมิน๊ะห์ สอนอย่างตั้งใจ เธอไล่เรียงบอกสรรพคุณของพืชผักสวนครัวและสมุนไพรแต่ละชนิด จนทำเอานักเรียนต่างชาติตื่นเต้นอ้าปากค้างไปหลายตลบ เช่น ลองให้ดมตะไคร้ทั้งต้นแล้วถามว่าได้กลิ่นอะไรไหม นักเรียนทุกคนส่ายหัว เธอจึงจับตะไคร้ต้นเดิมมาบุด้วยมีด แล้วยื่นให้ดมใหม่ คราวนี้นักเรียนถึงกับตาโต พยักหน้างึก ๆ ส่งเสียง Nice Smell กันยกใหญ่ แล้วคิดดูว่าพืชผักสวนครัวและสมุนไพรอีกนับสิบยี่สิบชนิด จะทำให้ฝรั่งทึ่งกับความมหัศจรรย์และพิถีพิถันของอาหารไทยขนาดไหน

           ตบท้ายชั่วโมงเรียนด้วยการให้นักเรียนฝึกทำผัดไทยคนละจาน ด้วยวัตถุดิบชั้นเยี่ยม กับเครื่องปรุงชั้นยอด และสูตรอาหารชั้นเด็ด ทำเอานักเรียนกินจนเกลี้ยงจาน หลายคนกลับมาเรียนซ้ำแล้วซ้ำอีก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศสที่ชื่นชอบงานศิลปะ ก็แน่ล่ะ อาหารไทยคือศิลปะชั้นยอดที่ชาติใดเห็นก็ต้องอึ้ง แม้เราคนไทยเองยังอึ้ง เพราะต่อให้ทำอาหารชนิดเดียวกันได้ ก็ใช่ว่าทุกคนจะทำอร่อย สิ่งนี้สินะเรียกว่า “เสน่ห์ปลายจวัก”

ยิ่งอยู่นานเรายิ่งพบความแปลกใหม่ของ เกาะยาวน้อยมากขึ้นเรื่อย ๆ เชื่อไหมว่าที่นี่มีค่ายมวยที่มีลูกศิษย์ทั้งไทยและต่างชาติมาเรียนไม่ขาด สาย หลักหิน วสันตสิทธิ์ หรือ หลักหิน ซีพียิม แชมป์ OPBF รุ่นแบนตั้มเวท และอีกหลายสังเวียน คือผู้ปลุกปั้นค่าย KYN Muay Thai Gym International Training Camp ซึ่งช่วงเวลาที่เหมาะกับการชมการฝึกซ้อม คือ 08.00 น. และ 17.00 น. บริเวณเดียวกับค่ายมวยมีโรงแรมที่พัก ซึ่งแขกส่วนใหญ่ก็คือนักเรียนจากแดนไกลที่มาพักครั้งละนาน ๆ จนกว่าจะเก่งวิชา

         "อาชีพมวยให้โอกาสทุกคนเท่ากันหมด ไม่ว่าจนรวย ชกได้หมด อยู่ที่ว่าคุณจะมีวินัยและสู้แค่ไหน ประโยชน์มวยมีมาก ถ้าใช้ให้เป็น มันใช้ป้องกันตัวได้ ลองสังเกตเวลาสะกิดหรือทำให้ตกใจสิ ระหว่างคนเป็นมวยกับไม่เป็นมวย จะมีปฏิกิริยาตอบโต้ต่างกัน"

         "หากจะทำเป็นอาชีพ คุณต้องยิ่งมีวินัย อาชีพใดบ้างที่ทำเงินได้มหาศาลในเวลาอันสั้น แต่เงินจะหมดไปอย่างรวดเร็วหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับวินัยอีกนั่นแหละ มวยจึงไม่ใช่อาชีพที่ฝึกเฉพาะกำลังแต่เป็นอาชีพที่ต้องมาพร้อมวินัยอย่าง หนัก"

         "ยู ๆ มาซ้อมโชว์ให้ถ่ายรูปหน่อย" หลักหิน เรียกลูกศิษย์ในค่ายมาให้ทีมงานถ่ายภาพ เมื่อเราถามว่าลูกศิษย์ชื่ออะไร มาจากไหน "ผมจำไม่ได้เรียกยูหมด มันเป็นเอฟเฟกต์อย่างหนึ่งของการเป็นนักมวยมานาน"

          หากเราเลือกที่จะเป็นเลิศสักด้าน มันก็เป็นสัจธรรมว่าต้องมีบ้างบางอย่างที่เราสูญเสียอย่างที่เราสูญเสีย อยู่ที่ว่าเราจะกล้าแลกหรือไม่
          แวดล้อมเกาะยาว...นิยามความเป็นทะเล

          พระอาทิตย์โผล่พ้นป่าเกาะ มาเคาะประตูถึงระเบียงห้องนอน วันนี้ "ลมแข็ง" ลมแรงไปนิด หากออกไปหาปลาคงไม่คุ้มค่าน้ำมัน เราจึงอดติดตามชาวบ้านออกหาปลา จึงเบนหางเสือลงทะเล ชมเกาะสวย น้ำใส เลาะเกาะแก่งยอดฮิตแทน เช่น เกาะห้อง เกาะลาดิง เกาะผักเบี้ย ที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี จังหวัดกระบี่ ประเดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึงทะเลอันดามัน

          กลับขึ้นฝั่งยามบ่ายคล้อย เกาะนก-เกาะเล็ก ๆ บริเวณหาดท่าเขา เริ่มเผยสันทรายยามน้ำลด เชื่อมเกาะกับถนนสายหลักเป็นทางยาว เหมือนทะเลแหวกแห่งเกาะยาวน้อยอย่างไรอย่างนั้น แต่พิเศษตรงที่ไม่ต้องนั่งเรือไกล เพราะเดินลงทะเลได้จากถนนใหญ่เลย บางคนแอบไปหลบมุมนอนพักตามหลืบหิน บ้างก็ไปส่องนก วันนี้ฉันเห็นฝรั่งใช้เกาะนกเป็นโรงเรียนสอนวิธีการแค้มปิ้งบนเกาะกลางทะเล ให้กับเจ้าลูกน้อยของเธอ โดยจำลองเหตุการณ์เหมือนมาติดเกาะในรายการ Survivor สอนให้ลูกรู้จักกางเต็นท์ ว่ายน้ำ ทำอาหารอย่างง่าย กว่าน้ำจะขึ้นอีกทีเจ้าหนูคนนี้คงได้วิชาติดตัวอีกโข
นอกจากนี้ รอบ ๆ เกาะยาวน้อยยังมีแหลงท่องเที่ยวทางทะเลยอด ฮิตอีกหลายแห่งที่อยู่ไม่ไกล สามารถเหมาเรือแบบ One Day Trip จากเกาะยาวได้ เช่น อ่าวพังงา เกาะห้อง เกาะลาดิง เกาะผักเบี้ย เกาะไข่ใน เกาะไข่นอก เกาะนาคาน้อย เกาะพีพี ฯลฯ หากจะให้ครบบรรยากาศความเป็นทะเล ยามเย็นต้องไม่พลาดชม พระอาทิตย์ตกที่บริเวณท่าเรือมะเนาะ ท่าเรือใหญ่ระหว่างเกาะยาวน้อยกับท่าเรือบางโรง (ภูเก็ต) เป็นอีกจุดที่เหมาะกับการชมพระอาทิตย์ตกดินท่ามกลางผู้คนและความจอแจของท่า เรือเบื้องหน้า หรือจะหามุมสงบไปชมพระอาทิตย์ตกแถบบ้านอันเป้าในบรรยากาศหาดปะการัง ก็แปลกอีกหนึ่งอารมณ์

          ตบท้ายวันห้ามพลาด ร้านโรตีชาวเกาะ กลางตลาดเกาะยาวน้อยที่มีโรตีให้เลือกมากถึง 80 รายการ โดยเฉพาะโรตีตบมะพร้าวอ่อน โรตีพิซซ่า โรตีแกง โรตีไอศกรีม ที่อร่อยจนอยากบอกต่อ

          เกาะยาวใหญ่...นิยามตามวิถีชาวเกาะ

          ข้ามเรือจากท่าเรือมะเนาะ ผ่านช่องแคบไปเพียง 10 นาที ถึงท่าเรือช่องหลาด เกาะยาวใหญ่ ที่ทั้งเกาะยังถือว่าเงียบและมีความเป็นดั้งเดิมอยู่มาก เป็นสวรรค์ของคนรักความสงบ และอยากชมวิถีชาวประมง ซึ่งอาชีพหลักของชาวเกาะ เช่น ทำปลากะตัก หรือชาวปักษ์ได้เรียกว่า ปลาจิ้งจ้าง โดยใช้อวนขนาดใหญ่ลากนำมาต้มและตากแดดเป็นแผงยาวขาวโพลนก่อนส่งขาย หรือการวางเบ็ดราว ที่ใช้เบ็ดกว่า 1,500 ตา วางเป็นสายยาวดักปลาในทะเล ซึ่งคนวางต้องใช้ความชำนาญสูง เพราะต้องคอยหย่อนเบ็ดทีละตาลงทะเลขณะที่เรือวิ่ง หากไม่ชำนาญสายเบ็ดอาจพันเป็นก้อนกลม หรือไม่ก็พันแข้งขาลากลงทะเลได้

          คืนนี้เรามาพักที่โฮมสเตย์บ้านพรุใน ตามคำแนะนำของ พี่เกษม และเสียงลือเสียงเล่าว่าแม่ครัวบนเกาะยาวใหญ่มีฝีมือปรุงอาหารมัดใจคนพัก อยู่หมัดทุกราย และหนึ่งขนมไฮไลท์อีกอย่างของเกาะยาวใหญ่ คือ ขนมบ้าบิ่นมะพร้าวอ่อน ที่หอมกรุ่น หนึบ หวานน้อย จะทำเฉพาะตามสั่งเท่านั้น ไม่มีวางขายทั่วไป หากต้องการสั่งซื้อต้องติดต่อล่วงหน้า เพราะไม่ใส่สารกันบูด เก็บนอกตู้เย็นไต้ประมาณ 4-5 วันเท่านั้น


 หากพูดถึงโปรแกรมท่องเที่ยวทางทะเลยอดนิยมของเกาะยาวใหญ่ ก็คือ การไปเที่ยวเกาะไข่นอกและเกาะไข่ใน แต่ครั้งนี้เราขอฉีกแนวเลือกเที่ยวบนเกาะ เลาะเลียบชายหาดเงียบ ๆ รอบเกาะยาวใหญ่ เริ่มที่ อ่าวทราย เป็นหาดหินสลับหาดทราย และเป็นแหล่งปะการังชายฝั่ง เช้าวันที่เรามาถึงมีคลื่นลมแรง ทำให้เจ้าแมงกะพรุนไฟถูกคลื่นชัดมากองเต็มหน้าหาดนับแสนตัว นอกจากนี้ เกาะยาวใหญ่ยังมีอ่าว หาด แหลม ที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง เช่น อ่าวโล๊ะปาเหรด อ่าวคลองสน อ่าวม่วง แหลมหาด ลักษณะของแต่ละที่มีความแตกต่างกันบ้างเล็กน้อย เช่น อ่าวม่วง เป็นอ่าวที่เรือยอชท์ชอบมาจอดหลบคลื่นลม ทรายขาว น้ำใส แหลมหาด อยู่ตรงปลายแหลมของเกาะยาวใหญ่ ฝั่งตรงข้ามมองเห็นเกาะยาวน้อยอยู่ไม่ไกล โดยมีช่องหลาด แหล่งหญ้าทะเลที่สำคัญกั้นกลาง ลักษณะเด่นของแหลมคือมีหาดทรายขาวมาก มองเห็นได้ชัดจากเกาะยาวน้อย
          ห้าหกวัน จริง ๆ แล้วไม่รู้จะนิยามการเดินทางครั้งนี้ว่าอย่างไร จะว่าเป็นการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ใหม่หมดจดก็ไม่เชิง เพราะในความใหม่ก็ถอดระบบมาจากภูมิปัญญาเดิม และในความสวยงามเดิม ๆ ก็คือเสน่ห์ทีดึงดูดให้เรามาพบสิ่งใหม่ ๆ เอาเป็นว่ามาเที่ยวเกาะยาวเมื่อไหร่ เชิญสร้างสรรค์นิยามตามแบบของคุณเองจะดีกว่า


 คู่มือนักเดินทาง

การเดินทาง
          นักท่องเที่ยวสามารถนั่งเรือไปเกาะยาว ได้ 3 เส้นทาง คือ จากท่าด่าน อำเภอเมืองฯ จังหวัดพังงา จากท่าบางโรง อำเภอถลาง และท่าเจียรวานุช อำเภอเมืองฯ จังหวัดภูเก็ต และจากท่าเลน อำเภอเมืองฯ จังหวัดกระบี่ ตามตารางเดินเรือ ดังนี้

          แวะพัก

          ท่าเขาเบย์วิว บังกะโล แอนด์ เรสเตอร์รอง ห้องพักบรรยากาศดี ราคาเป็นมิตร มี 10 ห้อง ราคา 700-1,200 บาท ไม่รวมอาหารเช้า โทรศัพท์ 08 6942 0812, 08 3395 5885, 08 9646 1891, 0 7658 2714 อีเมล thakhaobayview@hotmail.com

          โฮมสเตย์บ้านพรุใน กลุ่มท่องเที่ยวชุมชนบ้านพรุใน หมู่ที่ 3 ตำบลพรุใน อำเภอเกาะยาวใหญ่ ติดต่อ คุณประพิศ นาวีว้อง โทรศัพท์ 08 7928 6990 หรือ คุณลลิล จิตรนาวี จังหวัดพังงา โทรศัพท์ 08 1272 0678 เว็บไซต์www.prunaihomestay.com

          แวะชิม

          โรตีชาวเกาะ ตลาดเกาะยาวน้อย มีโรตีกว่า 80 รายการ เมนูเด่น ได้แก่ โรตีมะพร้าว โรตีตบข้าวโพด โรตีพิซซ่า โรตีเย็น ฯลฯ เปิดบริการ 09.00-22.00 น. โทรศัพท์ 08 9589 5592

วันพุธที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ปั่นจักรยานรอบเกาะสีชัง สัมผัสทะเลงามใกล้กรุง


ทริปนี้เราเลือกไปเที่ยวเกาะสีชัง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เพราะนอกจากเป็นทะเลใกล้กรุงเทพฯ และยังมีกิจกรรมอื่น ๆ มากมายให้สัมผัส สามารถไปแล้วกลับภายในวันเดียว หรือพักแรมสักคืนก็ยังไหว เราออก จากกรุงเทพฯ โดยใช้เวลาประมาณชั่วโมงเศษ ก็ไปหาที่จอดรถบนเกาะลอย จากนั้นก็นั่งเรือไปเกาะดังกล่าวทันทีโดยใช้เวลาประมาณ 45 นาที

            เมื่อถึงเกาะสีชังแล้ว นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะใช้บริการรถสกายแล็บรับจ้าง เพื่อไม่ให้เสียเวลา เราเที่ยวทันทีที่ พระจุฑาธุชราชฐาน พระตำหนักที่เคยใช้เป็นที่ทรงงานและแปรพระราชฐานของรัชกาลที่ 5 ก่อนที่จะเดินคุยกันไปเรื่อย ๆ จนถึงอีกจุดคือ พระเจดีย์ พระอุโบสถวัดอัษฎางคนิมิต โบสถ์สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิค เดินเข้าไปด้านในมีพระพุทธรูปตั้งอยู่ สิ่ง ที่พวกเราสนใจและนั่งอยู่นานคือ นั่งดูดาว บริเวณหลังคาด้านในพระอุโบสถมีอยู่หลายดวง เลยอดไม่ได้ที่จะนั่งนับ แต่ก็ไม่ไหว เพราะมีจำนวนมาก ขณะที่ด้านนอกมีต้นพระศรีมหาโพธิ์ ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงปลูกไว้

      จากพระอุโบสถเราเดินกันต่อไปถึงหินระฆัง อยากรู้นักว่าจะดังเหมือนระฆังจริงรึเปล่า เลยต้องพิสูจน์กันสักหน่อย ลองเคาะดูรอบ ๆ เสียงก็ปกติเหมือนเคาะก้อนหินทั่ว ๆ ไป พอลองเคาะด้านบนสุดของหินระฆังก้อนนั้น เสียงเหมือนระฆังจริง ๆ ด้วย เรา ไปต่อ ที่พิพิธภัณฑ์ชลทัศนสถาน ซึ่งรวบรวมสิ่งของต่าง ๆ บนเกาะสีชัง มีงานวิจัยต่าง ๆ แบ่งโซนต่าง ๆ เอาไว้ 9 โซน โดยไม่เก็บค่าเข้าชม แต่มีกล่องบริจาควางไว้ เดินร้อน ๆ กันมานานได้เข้าไปเดินในห้องแอร์เย็นฉ่ำและดูตัวอย่างปะการังหลายชนิดก็เพลินไม่เบา และที่สำคัญได้พักเหนื่อยไปในตัว


         ไปกันต่อคือ วัดเจ้าพ่อเขาใหญ่ และเขาพระจุลจอมเกล้า  เราเดินขึ้นไปกันแบบสบายใจ บางคนแวะไปไหว้พระขอพรกัน ระหว่างที่นั่งชมวิวเกาะสีชังจากวัดเจ้าพ่อเขาใหญ่ และเดินขึ้นไปยอดเขาพระจุลจอมเกล้า ที่ป้ายบอกระยะทางไว้ 268 เมตร เห็นป้ายแล้วก็ลงความเห็นกันว่าสบายมาก ระยะทางแค่นี้เอง แต่สิ่งที่เห็นอาจไม่ใช่สิ่งที่เป็นเสมอไป เพราะกว่าจะเดินถึงข้างบนเหนื่อยมาก ขาสั่นงึก ๆ เดินไปก็บ่นไปว่าเมื่อไหร่จะถึงซะที ตั้งใจว่าจะนับขั้นบันได แต่ไม่ไหวจะนับจริง ๆ นี่แหละปัญหาของคนไม่ออกกำลังกาย เลยเป็นแบบนี้



        พอเดินใกล้จะถึงยอดเขาดีใจมาก รีบวิ่งไปกระโดดดีใจสุดขีด แต่สายตาดันเหลือบไปเห็นถนนที่มีรถวิ่งขึ้นมาถึงข้างบนนี้ได้ ทุกคนร้องอุทานว่า "โอ้ พระเจ้า" แค่เห็นถนนยังไม่พอ มีรถมอเตอร์ไซค์วิ่งขึ้นมาพอดี เหมือนจะมาเยาะเย้ยกันเล่น จากตรงจุดนั้นเราก็ไปต่อที่ หาดถ้ำพัง เพื่อเล่นน้ำทะเล บริเวณนี้มีห้องน้ำ ร้านค้า เปลชายหาดไว้บริการ เราไปนั่งเล่นกันที่เปลชายหาด อย่าเรียกว่านั่งเล่นน้ำเลยดีกว่า เพราะทุกคนหลับสนิทเลย พอตื่นขึ้นมาก็ไปเล่นน้ำนิดหน่อย ก่อนที่จะไปจุดสุดท้ายของวันแรก คือ การดูพระอาทิตย์จมน้ำที่ช่องเขาขาด-หาดหินกลม ระหว่างรอพระอาทิตย์ตกทะเลเราก็ถ่ายรูปกันอย่างเต็มที่ ก่อนที่ท้องจะหิวก็มุ่งหน้าไปกินข้าวร้านครัวไอทะเล  มื้อนี้ได้กินหอยฟันกระต่ายอย่างที่เราตั้งใจไว้ ชอบเวลาเคี้ยวจะหนึบๆ อร่อยดี จะว่าไปก็คล้ายหอยเชลล์เหมือนกัน เมื่อทานอาหารคาวที่ครัวไอทะเลเรียบร้อยแล้ว เราก็ไปกินบัวลอยร้านที่ลุงพุ่มต่อเลย จากนั้นก็เข้าที่พัก ก่อนออกไปยอดตึกเพื่อดูดาวก่อนเข้านอนไปเติมพลังเตรียมพร้อมวันใหม่


       
         เมื่อเริ่มต้นวันใหม่ เตรียมแผนการท่องเที่ยวด้วยการใช้จักรยานเป็นพาหนะ เรายืมจากที่พัก แต่ก่อนอื่นต้องขอไปเติมพลังกันก่อน หาข้าวเช้ากินกันในตลาดและแวะซื้อน้ำไว้ระหว่างการปั่นจักรยาน ที่แรกเรา ปั่นไปกันคือ ปารี ฮัท รีสอร์ท เพราะมีริมหน้าผาที่สวยมากมายเกินจะห้ามใจไหว ยังไงก็ต้องไปตะโกนริมหน้าผานี้ซักครั้ง ที่พักสไตล์กระท่อมน่ารัก ๆ บนริมผา ช่างเข้ากันจริง ๆ เลย มีจุดกระโดดน้ำด้วย ใครอยากไปกระโดดน้ำริมหน้าผาก็ไปได้ นอกจากที่พักและจุดกระโดดน้ำแล้วที่ถูกใจต้องกดไลค์ซัก 100 ครั้ง เห็นจะเป็นจุดชมวิวที่ทางรีสอร์ททำไว้แบบง่าย ๆ แต่น่ารัก มีหลายจุด เดินไปเรื่อย ๆ ตามริมหน้าผา ที่จริงแล้วอยากเรียกว่าจุดจู๋จี๋มากกว่า นะ เพราะมันสถานที่แบบส่วนตัว หากไปกับคู่รักรับรองความโรแมนติกแน่นอน เดินไปจนสุดหน้าผามีถ้ำให้ได้ พร้อมไต่ลงไป มีบันไดไม้เตรียมไว้ ตรงจุดนี้คิดว่าถ้าน้ำขึ้นคงลงไปไม่ได้ ประมาณว่าเป็นระเบียงริมทะเล

             ออกจากปารี ฮัทฯ ทางค่อนข้างยากต่อการปั่นจักรยานเพราะบางช่วงเป็นเนินสูงมาก จึงต้องมีเข็นกันบ้างแบบไม่ต้องกลัวเสียฟอร์มเลย ใครอยากรู้ต้องไปลองดู  จาก นี้เราไปต่อกันที่ซึ่งไม่ค่อยมีใครไปเท่าไหร่นัก แต่เป็นจุดที่สวยงามและน่าเล่นน้ำที่สุด ค่อนข้างไกลเพราะอยู่ท้ายเกาะ และไม่มีร้านอาหารหรือห้องน้ำ ที่นั่นคือ ท่ายายทิม ถ้าเราไปตอนช่วงที่น้ำลงจะมีทะเลแหวกด้วย สามารถเดินข้ามเล่นได้ เสียดาย ว่าช่วงที่เราไปน้ำไม่ลงเลยอด ก่อนปั่นจักรยานกลับแวะไปดูบ่อน้ำจืดที่คนสีชังเขาใช้กัน ดูเหมือนว่าการปั่นจักรยานเที่ยวจะไม่มีอะไร แต่จริง ๆ แล้ว แม้การปั่นจักรยานถึงจะเมื่อย และเหนื่อยมาก แต่ในทางกลับกันก็ให้ความสนุกมาก
             ได้เห็นพลังของเพื่อน ๆ ร่วมทริปบางคน ที่ปั่นทุกเนิน แบบไม่ยอมแพ้ หรือเห็นบางคนก็เข็นตลอด ทุกเนิน เหนื่อยกันมาก และสิ่งสำคัญสุดคือได้มีโอกาสมองสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ข้างทางอย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น ได้พูดคุยกันตามข้างทาง ได้มีประสบการณ์ที่น่าจดจำไปอีกแบบ ที่สำคัญสุดยังเป็นรูปแบบการท่องเที่ยวซึ่งไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม และช่วยอนุรักษ์โลกใบนี้ด้วย

             สำหรับ การเดินทาง ทริปนี้ไปง่ายมาก ออกจากบ้านเกือบ 8 โมง ใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์ แวะกินข้าวเช้าบนมอเตอร์เวย์  เมื่อไปถึงจังหวัดชลบุรี ก็วิ่งเลียบถนนสุขุมวิทไปเรื่อย ๆ มุ่งหน้าไปทางบางแสน ผ่านแหลมฉบัง ศรีราชา เลี้ยวเข้าเกาะลอย จะมีป้ายบอกไปท่าเรือเกาะสีชัง โดยเรือจะออกทุกชั่วโมง กะเวลาดีๆ  จะได้ไม่ต้องรอเรือนาน เมื่อถึงเกาะลอยแล้วก็เลือกที่จอดรถได้ตามสบาย ที่จอดมีเยอะมาก ถ้าไปเร็วให้ไปจอดแถว ๆ ที่ขายของฝาก มีคนผ่านไปมาตลอด ปลอดภัยไม่ต้องกลัวหาย แต่ถ้าไปสาย ๆ อาจต้องไปจอดริมทะเล โซนนี้คนไม่ค่อยชอบจอด เนื่องจากลับหูลับตาคน แล้วรถยังโดนละอองทะเล อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะจอดที่ไหน บนเกาะลอยไม่เสียค่าที่จอดรถ

ดำน้ำ ล่องเล พายคายัก ที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร


       ในวันที่อากาศดีๆ และรู้สึกว่าร่างกายต้องการความสดชื่นจากไอทะเลไทย เรามีสถานที่ดี ๆ มาแนะนำ แพ็กกระเป๋าพร้อมหัวใจของนักเดินทางขับรถมุ่งหน้ามาได้เลย จากกรุงเทพฯ ใช้เวลาประมาณ 6 – 7 ชั่วโมง โดยใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 (เพชรเกษม) ผ่านจังหวัดนครปฐม สมุทรสงคราม ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ อาจจะยาวสักหน่อยกับด้ามขวานของเราแต่ก็อย่าไหวหวั่น เมื่อถึงสี่แยกปฐมพร เลี้ยวซ้ายเข้ามาประมาณ 8 กิโลเมตร ก็จะถึงตัวเมืองจังหวัดชุมพร ขับตามป้ายไปทาง ปากน้ำชุมพรไปก็จะเจอเป้าหมายของเรา คือ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร


           อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร จัดเป็นแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับป่าชายเลนที่ดีแห่งหนึ่งในประเทศไทย อุทยานฯ ได้จัดทำเส้นทางศึกษาธรรมชาติเป็นสะพานไม้ที่ทอดยาวลัดลดคดเคี้ยวเข้าไปใน ป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ มีแผ่นป้ายให้ความรู้เกี่ยวกับการพืชและสัตว์ที่พบในป่าชายเลน การปรับตัวของพวกมันเพื่อให้สามารถอยู่รอดในระบบนิเวศป่าชายเลนได้ และบนเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ทางอุทยานฯ จัดทำเกมสำหรับเด็ก ๆ ไว้ให้เล่น พร้อมคำอธิบายรายละเอียด ทำให้เด็ก ๆ สนุกเพลิดเพลิน และได้เรียนรู้เกี่ยวกับป่าชายเลนอย่างไม่รู้สึกเบื่อ นอกจากนี้ อุทยานฯ ยังจัดทำสื่อทางเสียงประกอบแผ่นป้ายข้อมูล ที่นี่ถือว่าเป็นอุทยานแห่งแรกที่มีสื่อทางเสียงบรรยายข้อมูลให้นักท่อง เที่ยวได้เรียนรู้ลักษณะนิเวศป่าชายเลนของประเทศไทย

           อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร จัดเป็นอุทยานแห่งชาติที่มีลักษณะระบบนิเวศที่หลากหลายมาก ดังนั้น มา ที่นี่ที่เดียวก็ได้ครบเกือบทุกรสชาติ มีตั้งแต่หาดทราย ป่าชายหาด ป่าชายเลน หญ้าทะเล สันดอนโคลน ป่าดิบชื้น ตรงอ่าวทุ่งคา-สวี ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น "พื้นที่ชุ่มน้ำนานาชาติ" ส่วนเกาะที่มีขนาดเล็กมักเป็นพันธุ์ในสังคมพืชบนหน้าผาที่มีลักษณะแคระแกร็น

    
           สำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบพืชป่า ชายเลน ที่นี่มีโกงกางใบใหญ่ โกงกางใบเล็ก แสมขาว แสมดำ ลำพู ตะบูนดำ ตะบูนขาว ตาตุ่มทะเล โปรงแดง โปรงขาว จาก เหงือก ปลาหมอดอกขาว เหงือกปลาหมอดอกม่วง ปรงทะเล ขลู่ เถากระเพาะปลา ให้พบเห็น
           สำหรับนักดูนก ที่นี่จัดว่าเป็นแหล่งดูนกชายทะเล เมื่อเราเดินตามทางเส้นทางศึกษาธรรมชาติไปเรื่อย ๆ ข้ามสะพานแขวนไปจนถึงปากแม่น้ำ เรา ก็จะเห็นนกแอ่นกินรัง นกออก นกนางนวลแกลบท้ายทอยดำ นกนางนวลแกลบเล็ก นกยางเปีย นกยางทะเล นกกระเต็นน้อยธรรมดา นกกระเต็นอกขาว นกกินเปี้ยว นกชายเลนปากแอ่น นกชายเลนปากโค้ง นกปากซ่อมหางพัด นกอีก๋อยเล็ก นกอัญชันอกเทา นอกจากนกชายเลนแล้วเราก็พบตะกวด งูเหลือม กระรอกหลากสี ค้างคาวแม่ไก่เกาะ ค้างคาวกินแมลง และลิงแสม

           ดู กันอย่างเดียวก็ไม่พอ หากต้องการเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลและฟื้นฟูป่าชายเลนกลับคืนสู่ธรรมชาติ ก็สามารถร่วมกิจกรรมปลูกป่าชายเลนได้ ทางอุทยานฯ มีการเพาะชำกล้าไม้แสมและโกงกาง เพื่อให้การมาเยือนอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพรเป็นไปอย่างมีความหมาย สร้างจิตอนุรักษ์ให้ลูกหลาน พร้อมทั้งแบกความภาคภูมิใจใส่กระเป๋ากลับบ้านอย่างเต็ม ๆ อย่าลืมเข้าร่วมกิจกรรมปลูกป่าชายเลน ปลูกต้นไม้ฝากป่าไว้ด้วยมือของตัวเองสักต้นสองต้น



         สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการออกกำลัง เสียเหงื่อ สนุก ท้าทาย เราขอแนะนำให้ไปพายเรือคายักออกไปเที่ยวชมป่าชายเลน ทางอุทยานฯ ได้เตรียมเรือคายักให้นักท่องเที่ยวได้พายชมป่าโกงกางโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย อุปกรณ์พร้อม ใจพร้อม สองมือพร้อม ลงมือพายเรือคายักกันเลย และสำหรับนักพายเรือมือใหม่หัดพายก็ติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่ออำนวยความสะดวก ได้

           อยากนั่งเรือออกไปเที่ยวไกล ๆ ไปตามเกาะ พร้อมตามรอยพระพุทธเจ้าหลวง เราแนะนำ เกาะลังกาจิว ซึ่งเป็นเกาะสัมปทานรังนกนางแอ่น บนเกาะมีรอยจารึกพระปรมาภิไธยย่อ "จ.ป.ร." ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว คราวเสด็จทอดพระเนตรการเก็บรังนก ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานฯ ก็สามารถติดต่อเรือนำเที่ยวที่นี่ได้ ราคาก็เป็นกันเอง ที่นี่เค้าอยากให้คุณได้เที่ยวแบบสบายใจ สบายกระเป๋า


         สำหรับนักดำน้ำทั้งหลายที่ชีวิตขาดการดำน้ำแทบไม่ได้ คงต้องหาโอกาสมาดำน้ำที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพรสักครั้ง ที่นี่มีทั้งแหล่งดำน้ำตื้นและน้ำลึก แนะนำให้ไปดำน้ำที่เกาะง่ามใหญ่ เกาะง่ามน้อย เกาะหลักง่าม หินแพ เกาะทะลุ และเกาะมาตรา บริเวณแถบนี้มีปะการังดำมากที่สุดในประเทศไทย มีปะการังอ่อน ถ้วยทะเล พรมทะเล และดอกไม้ทะเลมากที่สุดในอ่าวไทย
           สำหรับนักดำน้ำที่หลงใหลปลาในแนวปะการัง ที่นี่ก็มีปริมาณและความหลากหลายของชนิดปลาในแนวปะการังมากที่สุดในอ่าวไทย เราสามารถพบเห็นปลาการ์ตูน ปลาผีเสื้อ ปลาสินสมุทร ปลาสลิดหินสีฟ้า ปลาตาโตแทบทุกเที่ยวที่ไปดำ นอกจากนี้ เรายังพบ หอยหน้ายักษ์ หอยเบี้ยเสือดาว หอยมือเสือ หอยแมงป่อง วาฬ โลมา ฉลามวาฬ กระเบนราหู และเต่าตนุ ให้เห็นเป็นประจำ อาจพูดได้ว่าถ้าจะมาดูฉลามวาฬจะต้องมาดำน้ำที่ชุมพร สำหรับนักดำน้ำที่ชอบความท้าทาย เกาะง่ามน้อย เกาะง่ามใหญ่ มีโพรงถ้ำใต้ทะเล มีความยาวมากกว่า 15 เมตร และกว้างกว่า 10 เมตร ภายในถ้ำมักพบฟองน้ำ ปะการัง และสัตว์ทะเลหลายชนิดอาศัยอยู่ภายใน รับรองตื่นเต้นเร้าใจแน่นอน



          มาที่นี่แล้วจะไม่ไปยังจุดชมวิวบนเขาโพงพางก็กระไรอยู่ ขับรถออกไปอีก 500 เมตร ก็จะได้ชมกับทัศนียภาพของเกาะต่าง ๆ ที่ตั้งอยู่ในทะเล กับบรรยากาศทะเลที่ถูกโอบล้อมไปด้วยภูเขา แถมยังมีบ้านพักของอุทยานฯ ไว้ให้บริการอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์หรือวันหยุดยาว เทศกาลไหน ๆ ก็ลองหาโอกาสมีเที่ยวที่นี่กันได้กับอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร กิจกรรมครบทุกรสชาติทั้งภูเขาและทะเล ที่พาให้คุณสนุกเพลิดเพลินจนลืมเวลาเครียด และกลับบ้านไปด้วยพลังที่สดใสในชีวิต

           อุทยาน แห่งชาติหมู่เกาะชุมพร หมู่ 5 บ้านโพงพาง ตำบลหาดทรายรี อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร 86120 โทรศัพท์ 0 7755 8144 - 6 โทรสาร 0 7755 8145 ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับอุทยานแห่งชาติ นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาขอรับบริการข้อมูลได้ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ ระหว่างเวลา 08.00 - 16.30 น.





เมื่อพูดถึงแหล่งท่องเที่ยวทางทะเล ริมชายฝั่งตะวันออกของไทย ชื่อของจังหวัดระยองคงอยู่ในใจใครหลาย ๆ คน เพราะเป็นอีกหนึ่งท้องทะเลที่ยังคงความสวยงาม เดินทางไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก รวมถึงมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ซึ่งหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิต ก็คือ แหลมแม่พิมพ์ ดังนั้น กระปุกท่องเที่ยวเลยจะพาเพื่อน ๆ ไปทำความรู้จักกับแหลมแม่พิมพ์ว่าจะมีอะไรน่าสนใจบ้าง พร้อมกับพาไปทักทายผืนทราย สัมผัสท้องทะเล และยืนรับลมเย็น ๆ กันค่ะ

          แหลมแม่พิมพ์ เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลทางภาคตะวันออกที่มีชื่อเสียง ตั้งอยู่ในจังหวัดระยอง ห่างจากตัวเมืองระยองประมาณ 48 กิโลเมตร บริเวณชายหาดมีความสวยงาม ขึ้นชื่อในเรื่องของความใสสะอาดของหาดทรายและน้ำทะเล คลื่นลมเย็นสบายไม่แรงมาก อยู่ในระดับที่ปลอดภัย สามารถลงเล่นน้ำได้ทุกเพศทุกวัย และริมหาดก็มีร้านให้เช่าห่วงยางสำหรับลงเล่นน้ำได้อีกด้วย นอกจากนี้ ใครที่ชื่นชอบการทำกิจกรรมทางน้ำต่าง ๆ ที่นี่ก็มีบริการเช่นกัน ทั้งบานาน่าโบ๊ทและเรือโดนัท รวมทั้งยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ครบครันไปด้วยบ้านพัก โรงแรม และร้านอาหารตลอดแนวชายหาดอีกด้วย



 สำหรับบรรยากาศริมชายหาดแหลมแม่พิมพ์ บริเวณถนนเลียบชายหาดเป็นสถานที่สำหรับเดินท่องเที่ยวมานั่งมานอนรับลมเย็น ๆ อีกทั้งระหว่างถนนกับแนวเปลผ้าใบยังร่มรื่นไปด้วยแนวต้นสนเรียงรายสุดลูกหู ลูกตา และยังมีบางพื้นที่ที่นักท่องเที่ยวสามารถนำอาหารเข้ามานั่งปิกนิกริมชายหาด ได้ เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับการเดินทางมาพักผ่อนแบบครอบครัว ส่วนอาหารที่ขึ้นชื่อก็คงหนีไม่พ้นอาหารทะเลสด ๆ ที่จะมีร้านค้าปรุงให้ลิ้มรสชาติกันสด ๆ ทั้งนึ่งและเผา จิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ดรสแซบ ^^ ในราคาที่เป็นกันเอง

          อ๊ะ ๆ ยังไม่หมดเพียงเท่านี้นะจ๊ะ เพราะไฮไลท์ของแหลมแม่พิมพ์ที่หลายคนมาแล้วพลาดไม่ได้ คือ การนั่งชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกที่ริมชายหาด สัมผัสถึงบรรยากาศของความโรแมนติกได้อีกด้วยนะ


การเดินทาง

          แหลมแม่พิมพ์ อยู่ห่างจากตัวเมืองระยอง 48 กิโลเมตร จากถนนสุขุมวิทมีทางแยกขวาไปแหลมแม่พิมพ์ถึง 3 แห่งด้วยกัน คือ กิโลเมตรที่ 259.5, กิโลเมตรที่ 263 และกิโลเมตรที่ 268 ผ่านอนุสาวรีย์สุนทรภู่ไปอีก 5 กิโลเมตร หรือห่างจากวังแก้ว ตามถนนเลียบชายหาดไปอีก 11 กิโลเมตร ก็จะถึงชายหาดบริเวณแหลมแม่พิมพ์

          ทั้งนี้ สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ ททท.สำนักงานระยอง โทรศัพท์ 0 3865 5420-1, 0 3866 4585

วันอังคารที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2556


หาดเตยงาม อ่าวนาวิกโยธิน เที่ยวสบาย ๆ ชายทะเลสัตหีบ





หาดเตยงาม อ่าวนาวิกโยธิน เดิมชื่อ อ่าวตากัน หรือ อ่าวทุ่งไก่เตี้ย บริเวณกลางอ่าวมีเกาะเล็ก ๆ อยู่หนึ่งเกาะชื่อว่า เกาะ ไก่เตี้ย เป็นเขตอนุรักษ์ปะการังเขากวาง สาเหตุ ที่เรียกหาดทรายแห่งนี้ว่า หาดเตยงาม เนื่องจากบริเวณริมหาดแห่งนี้มีต้นเตยทะเลขึ้นเป็นจำนวนมาก และด้วยพื้นที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนริมทะเล มีหาดทรายสีขาวที่ทอดยาวสุดสายตา น้ำทะเลที่ใสงดงามกับธรรมชาติรอบ ๆ และแม้ว่าความยาวของหาดแห่งนี้จะยาวหลายกิโล แต่บริเวณที่นักท่องเที่ยวสามารถมาพักผ่อนและลงเล่นน้ำได้จริงมีเพียง 300-400 เมตร เท่านั้น ทั้งนี้ ก็เพื่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวเอง



นอกจากนี้ เมื่อมองจากชายฝั่งจะเห็น เกาะไก่เตี้ย ที่เมื่อยามน้ำลงสามารถเดินไปยังเกาะแห่งนี้ได้ แต่ในปัจจุบันได้มีการห้ามขึ้นไปบนเกาะ เพราะต้องการอนุรักษ์ธรรมชาติและแนวปะการัง ซึ่งปัจจุบันทางสำนักงาน กิจการการท่องเที่ยวหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ได้จัดทำกิจกรรมอนุรักษ์ไว้ ด้วยการเชิญชวนนักเรียน, พนักงานบริษัท และพนักงานโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ เข้ามาร่วมกิจกรรมปลูกปะการัง รวมถึงกิจกรรมดำน้ำดูปะการังก็ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของการมาเที่ยวที่หาดเตยงามอีกอย่างหนึ่ง


 ปัจจุบัน หาดเตยงาม อยู่ในความดูแลของกองบัญชาการนาวิกโยธิน ที่ยังคงรักษาความสะอาด ความเรียบร้อยของหาดให้คงความสวยงามได้เป็นอย่างดี รวมทั้งยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นต่อนักท่องเที่ยว ได้แก่ ร้านอาหารหรือห้องน้ำไว้คอยบริการนักท่องเที่ยว และยังมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยวคอยให้คำปรึกษาในเรื่องของสถานที่พัก หรือติดต่อสอบถามในเรื่องราวหรือข้อสงสัยต่าง ๆ ของนักท่องเที่ยวได้อีกด้วย

          ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2509 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเรือใบประเภทโอเคขนาด 13 ฟุต ชื่อ "เวคา" จาก พระราชวังไกลกังวลหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ออกเดินทางตั้งแต่เวลา 04.28 น. ตัดข้ามอ่าวไทยขึ้นฝั่งที่อำเภอสัตหีบ บริเวณหาดเตยงาม โดยเป็นระยะทางทั้งสิ้นประมาณ 60 ไมล์ทะเล เวลาทั้งสิ้น 17 ชั่วโมง และได้นำธงราชนาวิกโยธินมาปักไว้ ณ ที่หาดเตยงามแห่งนี้

   เป็นไงบ้างคะกับรีวิวคร่าว ๆ ที่ชายหาดสวยอย่างหาดเตยงามแห่งนี้ หลายคนคงมีแผนจะเดินทางไปเที่ยวลองดูแล้วละ ซึ่ง ที่อำเภอสัตหีบไม่ใช่แค่มาเดินชายหาดเล่นน้ำทะเลเท่านั้น เพราะที่นี่ยังมีแหล่งท่องเที่ยวอีกมากมายรอต้อนรับเหมือนกัน เรียกได้ว่ามาแบบไม่เสียเที่ยวกันเลยทีเดียว

 ข้อห้ามและข้อปฏิบัติ

          1. ยานพาหนะใช้ความเร็วไม่เกิน 50 กิโลเมตร/ชั่วโมง

          2. ห้ามก่อกองไฟ ปิ้งย่าง ประกอบอาหาร

          3. ห้ามผูกเปล ตากผ้าแขวนสิ่งของบนต้นไม้

          4. ห้ามจับสิ่งมีชีวิตในทะเล ห้ามเก็บเปลือกหอย เศษปะการัง

          5. ห้ามส่งเสียงอึกทึกคึกโครม

          6. ผู้ขับขี่จักรยานยนต์จะต้องสวมหมวกป้องกันศีรษะ

          7. อนุญาตให้นักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำได้ตั้งแต่บริเวณหน้าสโมสรประดู่คู่ไปจนถึงบริเวณ มารีน โบ๊ทคลับ
กิจการการท่องเที่ยวหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน เปิดบริการนักท่องเที่ยวตั้งแต่เวลา 08.00 น. ไปจนถึงเวลาพระอาทิตย์ตก
การเดินทาง :

          หากท่านมาจากกรุงเทพฯ โดยอาศัยเส้นทางถนนสุขุมวิท (มอเตอร์เวย์) เมื่อเข้าเขตของอำเภอสัตหีบ ให้สังเกตโรงเรียนสิงห์สมุทร โรงเรียนประจำอำเภอสัตหีบ สังเกตได้ง่าย ๆ เพราะทางเข้าของหน่วยบัญชาการนาวิกโยธินจะอยู่ติดกับโรงเรียนสิงห์สมุทร เมื่อเลี้ยวเข้ามาด้านในก็แจ้งความจำนงกับเจ้าหน้าที่รักษาการณ์ ซึ่งจะอำนวยความสะดวกเรื่องเส้นทางเดินรถหรือการติดต่อส่วนราชการภายใน เพราะที่นี่มีการสนับสนุนนโยบายเรื่องการท่องเที่ยวเช่นกัน

          ช่วงเวลาเปิดปิดทำการ : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00-18.00 น.

          ที่อยู่ : สำนักงานกิจการการท่องเที่ยว หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน หาดเตยงาม อ่าวนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

          โทรศัพท์ : 038 308 126,084 377 6791 และสำนักงานกิจการท่องเที่ยวหาดเตยงาม 038 334 188

          เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก หาดเตยงาม อ่าวนาวิกโยธิน กิจการการท่องเที่ยวหน่วยบัญชาการนาวิก และ marineszee.com